นาง Caitlin Wiesen รักษาการผู้ประสานงานและหัวหน้าสำนักงานตัวแทนของ UNDP ให้สัมภาษณ์นักข่าว |
โครงการเป้าหมายแห่งชาติใหม่ที่สหประชาชาติและเวียดนามจัดทำเน้นถึง 3 ประเด็นหลัก ได้แก่การสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองร่วมผ่านการปรับเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการเพิ่มทักษะความสามารถในการรับมือภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและการบริหารสาธารณะ นาง Caitlin Wiesen รักษาการผู้ประสานงานและหัวหน้าสำนักงานตัวแทนของ UNDP ประจำเวียดนามได้เผยว่า
“ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงการผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนในบางด้านในช่วงนี้ โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและครอบคลุมหลังวิกฤตโควิด -19 สองคือการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นด้านที่สำคัญต่อเวียดนามในระยะนี้ เวียดนามให้ความสนใจต่อการลงทุนในด้านนี้และต้องการความช่วยเหลือจากประชาคมโลกเพื่อประสบความสำเร็จในการปฏิบัติ สามคือปัญหาด้านการเงินและสภาพภูมิอากาศและสี่คือการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่การสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเจริญรุ่งเรือง”
ประชาชนในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ |
สำหรับ UNDP เวียดนามเดินหน้าในการแก้ปัญหาความยากจน ในโครงการเป้าหมายแห่งชาติใหม่ที่สหประชาชาติร่วมกับเวียดนามจัดทำได้กล่าวถึงผลสำเร็จนี้ ผู้บริหารสำนักงานตัวแทนของสหประชาชาติประจำเวียดนามได้เผยว่า สิ่งที่น่าสนใจคือเวียดนามได้เน้นแก้ปัญหาความยากจนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ เวียดนามยังเดินหน้าในการแก้ปัญหาความยากจนในหลายมิติ อัตราครอบครัวยากจนในหลายมิติในเวียดนามได้ลดลงจากร้อยละ 18 ในปี 2012 ลงเหลือร้อยละ 4 ในปัจจุบัน นาง Caitlin Wiesenได้เห็นว่า
“พวกเราชื่นชมเวียดนามในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับกลุ่มเสี่ยง ในช่วงนั้น รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับมาตรฐานความยากจนในหลายมิติ ซึ่งประชาชนกว่า 8 ล้านคนได้รับประโยชน์จากนโยบายสังคม อีกด้านหนึ่งที่น่าชื่นชมคือนโยบายคุ้มครองทางสังคม ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศใช้วงเงินช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคมต่างๆ ซึ่งมีความหมายเป็นอย่างมากต่อกลุ่มเสี่ยง”
จากบทบาทการเป็นสำนักงานของสหประชาชาติ UNDP ได้เริ่มปฏิบัติโครงการช่วยเหลือในเวียดนามนับตั้งแต่ปี 1978 ผ่านโครงการต่างๆ UNDP มีส่วนร่วมต่อกระบวนการสร้างสรรค์และปฏิบัตินโยบายเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ กฎหมายและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม.
แต่อย่างไรก็ดี ในเวลาที่จะถึง เวียดนามจะย่างเข้าสู่ระยะที่เต็มไปด้วยความท้าทายต่างๆ ในสภาวการณ์ที่เกิดวิกฤตต่างๆในทั่วโลก เช่น วิกฤตสภาพภูมิอากาศ ราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น การชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบจากการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยต้องพิจารณาการขยายตัวไม่เพียงแต่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น หากยังต้องให้ความสนใจต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย มุ่งสู่การขยายตัวอย่างครอบคลุม การขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในกระบวนการนั้น UNDPให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือเวียดนามในการฟันฝ่าความท้าทายและการพัฒนา นาง Caitlin Wiesen รักษาการผู้ประสานงานและหัวหน้าสำนักงาน UNDP ประจำเวียดนามได้ยืนยันว่า
“พวกเราเสนอให้เวียดนามพิจารณาการพัฒนาตลาดภายในประเทศ ค้ำประกันการขยายตัวเพื่อนำผลประโยชน์มาให้แก่สถานประกอบการภายในประเทศ ดิฉันคิดว่า สิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการเพิ่มทักษะความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาในอนาคตคือการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การขยายตัวอย่างครอบคลุมและการขยายตัวเพื่อไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พวกเราเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะเดินหน้าในการพัฒนารูปแบบนี้และจะเป็นตัวอย่างในระดับโลก”
ปี 2022 เป็นช่วงที่มีความหมายพิเศษ เนื่องจากตรงกับโอกาสรำลึกครบรอบ 45 ปีที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ซึ่งเวียดนามได้ดำเนินบทบาทเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือชั้นนำเพื่อสันติภาพและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในโลก ส่วนสำหรับในกระบวนการพัฒนาของเวียดนาม โครงการเป้าหมายแห่งชาติในช่วงปี 2022 –2026ที่ UNDP ให้คำมั่นช่วยเหลือเวียดนามในระยะแห่งการพัฒนาใหม่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อประเทศเวียดนามที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เจริญรุ่งเรือง เข้มแข็งและไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง.