(VNA) |
ข้อตกลง EVFTA ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมปี 2020 เป็นหนึ่งในข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ที่ช่วยให้เวียดนามสามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียูซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงเป็นอันดับสองของโลก ในขณะที่ตลาดเวียดนามที่มีประชากร 98 ล้านคนและเป็นเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกและมีความต้องการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตในระดับสูง ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพดีจากสหภาพยุโรป
EVFTA และคุณค่าที่ปฏิเสธไม่ได้
นับตั้งแต่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมปี 2020 ข้อตกลง EVFTA ได้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่มีความหมายในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างสองฝ่ายและการเติบโตของเวียดนาม โดยข้อตกลง EVFTA ได้ช่วยแก้ไขปัญหาตัวเลขการส่งออกไปยังยุโรปที่ติดลบ 5.9%ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2020 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ให้กลับมาเป็นบวกในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปี 2020 และได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลอด 9 เดือนแรกของปี 2021 โดยเฉพาะสินค้าการเกษตรที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในขณะเดียวกัน ข้อตกลง EVFTA ก็ผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งจากสหภาพยุโรปมายังตลาดเวียดนาม ที่น่าสนใจคือ อัตรามูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีตามข้อตกลง EVFTA ของเวียดนามได้บรรลุในระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับปีแรกของการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีอื่นๆ นาย เจิ่นก๊วกแค้ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้กล่าวว่า
“การบังคับใช้ข้อตกลงฉบับนี้ได้เกิดประสิทธิผลในเชิงบวกเป็นอย่างมาก มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเฉลี่ยแต่ละปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปบรรลุถึง 3 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากอียูบรรลุ 1 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณสินค้าที่ขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อได้รับสิทธิพิเศษจากข้อตกลงมีสูงถึงเกือบ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ”
นอกจากประสิทธิภาพของกิจกรรมการส่งออกแล้ว ในตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ยังมีโครงการต่างๆเพื่อปฏิบัติข้อตกลงทั้งในระดับรัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่น เช่น การประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่ การจัดทำเอกสารกฎหมาย การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งได้บรรลุความคืบหน้า
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปได้รับการลงนามอย่างป็นทางการ (VGP) |
ชี้ให้เห็นถึงความสะดวกและอุปสรรคเพื่อใช้โอกาสในอนาคต
สัญญาณที่น่ายินดีในเบื้องต้นหลังจากบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปีได้ยืนยันถึงข้อได้เปรียบทางการค้าของเวียดนามในฐานะเป็นสมาชิกของข้อตกลง EVFTA แต่อย่างไรก็ตาม เวียดนามกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายเมื่อต้นทุนการค้าของเวียดนามสูงกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังทำให้แหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI จากสหภาพยุโรปมายังเวียดนามลดลง ดังนั้นเพื่อฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ การฟื้นฟูการผลิต ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่เป็นผู้เดินหน้าและพยายามส่งเสริมข้อได้เปรียบของข้อตกลง EVFTA เวียดนามจะพยายามคว้าโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต นาย เลก๊วกเฟือง อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอุตสาหกรรมและการค้า ของกระทรวงพาณิชน์และอุตสาหกรรมได้เสนอว่า
“ต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการผ่านมาตรการในระยะยาว สองคือ ยกระดับอุตสาหกรรมการสนับสนุนให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก่อนอื่นต้องมีมาตรการในระยะสั้นเพื่อให้สถานประกอบการใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษของข้อตกลง EVFTA และที่สำคัญก็คือการให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสินค้าส่งออกของเวียดนาม”
ตามการประเมินของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและนโยบาย ถ้าหากได้รับการปฏิบัติในสภาวะปกติ ข้อตกลง EVFTA จะสามารถนำมูลค่าการส่งออกของเวียดนามให้แตะที่ตัวเลข 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐพร้อมกับโอกาสที่จะมีบทบาทเป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวการณ์แห่งการแพร่ระบาด เวียดนามต้องพิจารณาแผนการกำหนดสถานะของตนในห่วงโซ่คุณค่าอีกครั้งด้วยแนวทางแก้ปัญหาที่เข้มแข็งและเป็นฝ่ายรุกมากขึ้น สร้างกำลังการผลิตและการส่งออกที่ดีขึ้นตามแนวทางเน้นเพิ่มมูลค่าและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดร. เลดังแยวง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ได้กล่าวว่า
“นี่คือโอกาสเพื่อให้เราพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อมีสถานประกอบการที่ปฏิบัติเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง และเพื่อเพิ่มปริมาณและมูลค่าการส่งออก เราต้องแปรรูป ไม่ใช่แค่ส่งออกสินค้ามูลค่าต่ำ ดังนั้น ข้อตกลง EVFTA ไม่ได้เป็นเพียงโอกาสในการส่งออกเท่านั้น หากยังเป็นแรงผลักดันในการปฏิรูป ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเข้มแข็ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการ”
ไม่เพียงแต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการส่งออกเท่านั้น แต่เวียดนามยังค่อยๆ ปรับปรุงกลไกและกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับระเบียบศุลกากรและอุปสรรคด้านภาษี
หลังจากบังคับใช้เป็นเวลากว่าหนึ่งปี ข้อตกลง EVFTA ได้นำมาทั้งประสิทธิภาพและความยากลำบาก การกำหนดโอกาสและความท้าทายจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายใช้ศักยภาพและความได้เปรียบระหว่างกัน ผลักดันความสัมพันธ์เวียดนาม-สหภาพยุโรปให้พัฒนาเข้มแข็งมากขึ้นในเวลาที่จะถึง.