โลกต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการขยายตัวของลัทธิการก่อการร้าย

Quang Dung- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -เหตุก่อการร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ในยุโรปและสหรัฐได้สร้างความวิตกกังวลต่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการขยายตัวของลัทธิการก่อการร้ายในโลก โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่ความไร้เสถียรภาพและการปะทะในภูมิภาคตะวันออกกลางสร้างช่องโหว่ด้านอำนาจให้แก่กลุ่มหัวรุนแรง

โลกต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการขยายตัวของลัทธิการก่อการร้าย   - ảnh 1สถานที่เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนในเมืองนิวออร์ลีนส์ (Photo: AP/TTXVN)

เหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐ  เมื่อวันที่ 1 มกราคมได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 คนและได้รับบาดเจ็บ 30 คน ซึ่งเป็นเหตุก่อการร้ายครั้งล่าสุดที่เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในหลายประเทศ

ภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้ายเพียงลำพัง

เหตุโจมตีในเมืองนิวออร์ลีนส์ไม่เพียงแต่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในช่วงต้นปีใหม่เท่านั้นหากยังสร้างความวิตกกังวลให้แก่ฝ่ายรักษาความมั่นคงเนื่องจากพบธงของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส นาย  Christopher Raia รองผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐหรือ FBI ได้ยอมรับว่า กลุ่มไอเอสอาจเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ก่อเหตุ  ส่วนนาย คอลิน คลาร์ก  ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทที่ปรึกษาด้านความมั่นคงโลก Soufan Group เผยว่า สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มไอเอสยังคงมีอิทธิพลต่อผู้ก่อการร้ายในสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง

ก่อนเหตุก่อการร้ายในเมืองนิวออร์ลีนส์ในช่วงต้นปีใหม่ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมปี 2024 ได้เกิดเหตุก่อการร้ายในลักษณะเดียวกันในตลาดคริสต์มาสมักเดบูร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนและได้รับบาดเจ็บกว่า 200 คน  นาย Daniel Byman ผู้อำนวยการโครงการเกี่ยวกับการก่อการร้ายและภัยคุกคามของสถาบันวิจัยเชิงยุทธศาสตร์และนานาชาติสหรัฐหรือCSIS เห็นว่า นี่เป็นวิธีที่กลุ่มไอเอสเคยใช้ในเหตุก่อการร้ายที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยเฉพาะที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2016 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 86 คน 

"ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มไอเอสได้ก่อเหตุขับรถยนต์พุ่งชนคนเดินเท้าในประเทศยุโรปและนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ ดังนั้น แน่นอนว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไอเอสและในเหตุก่อการร้ายในเมืองนิวออร์ลีนส์ นี่เป็นวิธีที่สามารถสังหารคนได้หลายคนในเวลาสั้น”

บรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า  สิ่งที่น่ากังวลกว่าก็คือการเพิ่มการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายในสหรัฐและยุโรปหลังเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่ต่างๆของกลุ่มไอเอสและกลุ่มรัฐอิสลามของแคว้นโคราซาน ISIS-K  ในหลายประเทศในปี 2024   เช่น เหตุวางระเบิดในเมืองเคอร์มานของอิหร่านเมื่อเดือนมกราคมและเหตุก่อการร้ายในโรงละครที่กรุงมอสโคว์เมื่อเดือนมีนาคม นาย Hans-Jakob Schindler ผู้เชี่ยวชาญและผู้อำนวยการองค์การภาคเอกชนที่ดูแลโครงการต่อต้านการก่อการร้ายหรือ CTP เผยว่า ภัยคุกคามด้านความมั่นคงนับวันเพิ่มสูงขึ้นและยากที่จะรับมือในสภาวการณ์ที่เกิดการปะทะและความไร้เสถียรภาพในโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง

โลกต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการขยายตัวของลัทธิการก่อการร้าย   - ảnh 2สถานที่เกิดเหตุก่อการร้ายในตลาดคริสต์มาสมักเดบูร์ก ประเทศสหรัฐ (Photo: THX/TTXVN)

จุดร้อนที่ซีเรียหรือเขตซาเฮล

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม เพนตากอนได้ส่งทหารเพิ่มเติมไปยังซีเรียเพื่อรับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในซีเรียหลังจากที่กลุ่มฝ่ายค้านซึ่งนำโดยกลุ่ม    ฮายัต ตะห์รีร์ อัลชาม (HTS)  ทำการโค่นล้มทางการของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม  ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลที่นับวันเพิ่มมากขึ้นของสหรัฐเกี่ยวกับการขยายตัวของกลุ่มก่อการร้ายในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่มไอเอส    นาย Pat Ryder โฆษกเพนตากอน เผยว่า ปัจจุบัน สหรัฐได้ส่งทหารประมาณ 2,000 นายไปยังซีเรีย ซึ่งสูงกว่าจำนวนทหารที่ประกาศก่อนหน้านั้นคือประมาณ 900 นาย พร้อมทั้งย้ำว่า กองกำลังทหารสหรัฐปฏิบัติหน้าที่ตามกลไก “ประจำการชั่วคราว”เป็นเวลา 30 -90 วันและกองกำลังนี้ได้ปรากฎตัวที่ซีเรียก่อนที่ทางการของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด ถูกโค่นล้ม  นาย Jake Sullivan ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐได้เผยว่า 

“พวกเราต้องยอมรับว่า หลังจากที่ทางการซีเรียนถูกโค่นล้ม กลุ่ม ISIS เริ่มหาโอกาสเพื่อฟื้นฟูเครือข่ายให้แข็งแกร่ง คุกคามสหรัฐและพลเมืองสหรัฐในโลก ดังนั้น ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้สั่งให้กองทัพสหรัฐมีปฏิบัติการทางทหารเพื่อต่อต้านกลุ่มไอเอสและทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสและพวกเราจะทำเรื่องนี้ต่อไป”

บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า สิ่งที่น่าสนใจคือทางการชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะยืนหยัดนโยบายดังกล่าวหรือไม่ ในวาระแรก นาย โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศถอนทหารสหรัฐทั้งหมดออกจากซีเรียและไม่ปล่อยให้สหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องถึงการปะทะในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่อย่างไรก็ดี สภาวการณ์ปัจจุบันอาจทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเปลี่ยนแปลงแนวคิด ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวของสำนักข่าว Fox News สส. Michael Waltz ผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐเผยว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ อาจไม่ปฏิบัติคำมั่นถอนทหารสหรัฐออกจากซีเรียเนื่องจากเข้าใจว่า ภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอสยังมีอยู่

แต่อย่างไรก็ดี จำนวนสมาชิกลุ่มไอเอสในซีเรียไม่ถึง 3 พันคนและบรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้จะถูกจำกัดโดยกองกำลังต่างๆ  ทางการซีเรียชุดใหม่ กองกำลังชาวเคิร์ด กองทัพตุรกีและพันธมิตร ดังนั้น นาย Brett Holmgren หัวหน้าศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐเผยว่า จุดร้อนใหม่ของลัทธิการก่อาการร้ายอาจจะเป็นเขตซาเฮลและแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นเขตที่กลุ่มไอเอสและกลุ่มกบฏต่างๆกำลังขยายการเคลื่อนไหวในหลายปีที่ผ่านมา.

Komentar