 พิธีเปิดการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 50 ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนปี 2022 (AFP/TTXVN) |
เวียดนามเคยเป็นสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2014-2016 นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้มีความพยายามมากมายเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
ความไว้วางใจของประชาคมระหว่างประเทศต่อเวียดนาม
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 เวียดนามได้ประกาศเกี่ยวกับการลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2023-2025 ในฐานะตัวแทนของอาเซียนอย่างเป็นทางการ โดยบรรดาประเทศอาเซียนได้เสนอเวียดนามเป็นตัวแทนของอาเซียนเข้าร่วมสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในทั่วโลกที่ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศถูกจัดกำ ในฐานะประธานอาเซียน 2020 เวียดนามได้แสดงบทบาทการเป็นผู้นำโดยจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อแสวงหามาตรการรับมือ ส่วนนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กล่าวปราศรัยในการประชุมของสหประชาชาติโดยเสนอให้ประเทศต่างๆ แบ่งปันลิขสิทธิ์ทางปัญญาเพื่อช่วยให้ทุกประเทศรับมือกับวิกฤติโควิด -19 และเข้าถึงแหล่งวัคซีนป้องกันโควิด -19 อย่างเท่าเทียมกัน สำหรับการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหสวรรษของสหประชาชาติ ศ. Carl Thayer จากมหาวิทยาลัย New South Wales ของออสเตรเลียได้แสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามได้มีความพยายามเป็นอย่างมาก โดยอยู่อันดับที่ 51 จาก 165 ประเทศในความพยายามบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนดังกล่าวด้วยคะแนนร้อยละ 72.8
"แม้เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาแต่ก็มีประสบการณ์ในการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ดังนั้น เวียดนามสามารถให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในด้านสิทธิมนุษยชนถ้าหากได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชน”
เวียดนามยังได้รับคำชื่นชมจากประเทศต่างๆในสหประชาชาติเนื่องจากได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ณ ซูดานใต้และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง รวมทั้งเป็นสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างเข้มแข็งในการเจรจาต่างๆเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ความไว้วางใจของประชาคมระหว่างประเทศต่อเวียดนามได้สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดผ่านการออกเสียงเห็นชอบให้เวียดนามเป็นตัวแทนในกลไกพหุภาคีต่างๆ เช่น สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2014-2016 และการที่เวียดนามได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือช่วงปี 2020-2021 และในฐานะสมาชิกไม่ถาวรใน 2 วาระดังกล่าว เวียดนามได้เน้นผลักดันลัทธิพหุภาคี การให้ความเคารพกฎหมายสากล ความร่วมมือระหว่างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับองค์กรระดับภูมิภาค การฟื้นฟูหลังการปะทะและการสร้างสรรค์สันติภาพ ซึ่งประเทศสมาชิกต่างๆ ของสหประชาชาติส่วนใหญ่ได้ยอมรับบทบาทสำคัญของเวียดนามในการผลักดันการต่อสู้เพื่อเอกราชของประชาชาติ อธิปไตยและการตัดสินใจด้วยตนเอง
 ศ. Carl Thayer จากมหาวิทยาลัย New South Wales ของออสเตรเลีย |
คำมั่นของเวียดนาม
ในกรอบการประชุมสุดยอดครั้งที่ 49 ของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคมปี 2022 นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามได้กล่าวยืนยันว่า สิ่งที่เวียดนามพยายามนำมาให้แก่ประชาชนก็เป็นคุณค่าที่สหประชาชาติให้คำมั่นที่จะนำมาให้แก่มนุษย์ การถือเวียดนามเป็นศูนย์กลางและเป็นพลังขับเคลื่อนแห่งการพัฒนาคือแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนาม เวียดนามให้ความสนใจต่อการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะปกป้องกลุ่มเสี่ยง ความเสมอภาคทางเพศและค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในการแก้ปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
รัฐมนตรี บุ่ยแทงเซิน ยังยืนยันว่า เวียดนามมีความประสงค์ที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2023-2025 โดยส่งสารว่า “ให้ความเคารพระหว่างกัน – สนทนาและร่วมมือ – ค้ำประกันทุกสิทธิของมนุษย์ให้แก่ทุกคน”
“เวียดนามพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องผลักดันหลักการณ์ของกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล ส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสภาสิทธิมนุษยชนผ่านการสนทนา ความร่วมมือและให้ความเคารพระหว่างกัน เวียดนามให้ความสนใจถึงการค้ำประกันสิทธิของมนุษย์อย่างรอบด้าน โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการปกป้องกลุ่มเสี่ยง ความเสมอภาคทางเพศ ค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในการแก้ไขปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”
การที่เวียดนามสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2023-2025 ถือเป็นโอกาสให้เวียดนามเป็นตัวแทนของอาเซียนแสดงความคิดเห็นและความสนใจของภูมิภาคต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนและร่วมมือกับประเทศสมาชิกอื่นๆของสภาฯ เพื่อมีส่วนร่วมแก้ไขความท้าทายต่างๆ ด้านสิทธิมนุษยชนที่โลกกำลังต้องเผชิญ.