นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กและดร. Philipp Rosler |
การประชุมผู้นำเอเปกครั้งที่ 25 ได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกกำลังย่างเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ด้วยการเปลี่ยนแปลงในขั้นพื้นฐาน รวดเร็วและซับซ้อน
ตระหนักได้ดีเกี่ยวกับความท้าทาย
เอเปกถูกมองว่าเป็นภูมิภาคเดินหน้าในการผลักดันกระบวนการเปิดเสรีการค้าการลงทุน มีบทบาทที่เข้มแข็งในการแก้ปัญหาต่างๆของเอเชีย – แปซิฟิกแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับความท้าทายใหญ่ๆจากความผันผวนของภูมิภาคและโลก
ในทางเป็นจริง กระแสโลกาภิวัตน์และการค้าเสรีได้เอื้อประโยชน์เป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจชาติต่างๆแต่ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจสมาชิกก็ต้องรับมือกับความท้าทายไม่น้อย ซึ่งความท้าทายแรกที่เอเปกต้องรับมือในปัจจุบันคือการขยายตัวของลัทธิคุ้มครองการค้าและแนวโน้มการต่อต้านความร่วมมือการค้าพหุภาคี ควบคู่กันนั้นคือแนวโน้มการลงนามข้อตกลงการค้าทวิภาคีแทนกลไกการเจรจาข้อตกลงการค้าพหุภาคี สำหรับการขยายตัวของลัทธิคุ้มครองการค้าในเศรษฐกิจต่างๆ ดร. Philipp Rosler ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สมาชิกของคณะกรรมการผู้บริหารฟอรั่มเศรษฐกิจโลกหรือ WEF เผยว่า “แม้เราจะเห็นถึงแนวโน้มการคุ้มครองการค้าในขอบเขตทั่วโลกแต่ผมยังเชื่อมั่นว่า ความคิดเกี่ยวกับการเปิดตลาดและเปิดการค้าเสรียังเอื้อประโยชน์ให้แก่ทุกคนมากกว่าเหมือนที่เราได้เห็นในทศวรรษที่ผ่านมา การเปิดการค้าในทั่วโลกได้ช่วยสร้างงานทำ มิใช่เป็นการคุ้มครองการค้า หน้าที่ในปัจจุบันคือภารกิจของนักการเมืองและผู้บริหารสถานประกอบการในการอธิบายให้ทุกคนในสังคมมีความเข้าใจว่าจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากการเปิดเสรีการค้าโลก”
เอเปก 2017 ผลักดันการเชื่อมโยงและการผสมผสาน
ในสถานการณ์ดังกล่าว เอเปก 2017 เน้นผลักดันการขยายตัวอย่างยั่งยืน มีความคิดสร้างสรรค์และคลอบคลุม ผลักดันความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างกว้างลึก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความคิดสร้างสรรค์ของสถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อมและขนาดจิ๋วในยุคแห่งดิจิตอล ส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตรอย่างยั่งยืนที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในเบื้องต้น เนื้อหาของเอเปก 2017 ได้สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้ประเทศสมาชิกพยายามปฏิบัติ นายอาลัน โบลาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของคณะเลขาธิการเอเปกเผยว่า “พวกเรามีความพอใจมาก แม้ปีนี้เป็นปีที่เอเปกต้องรับมือกับอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งปัญหาโลกาภิวัตน์แต่เวียดนามก็สามารถทำได้หลายอย่างแล้ว นับตั้งแต่การประชุม SOM 1 ที่เมืองญาจาง พวกเราได้รับทราบเกี่ยวกับด้านที่เวียดนามให้ความสนใจก่อนและความคิดสร้างสรรค์ของเวียดนาม เวียดนามได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อการประชุมเอเปกปีนี้”
นายอาลัน โบลาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของคณะเลขาธิการเอเปก (Photo VNPlus) |
ถึงขณะนี้ ข้อคิดริเริ่มที่สำคัญและมีความหมายอย่างเป็นรูปธรรมในปีเอเปก 2017 ได้รับการอนุมัติ ซึ่งน่าสนใจคือ 4 เอกสารที่ได้รับการอนุมัติในการประชุมเอเอ็มเอ็มครั้งที่ 29 ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วย กรอบการอำนวยความสะดวกให้แก่การค้าอิเล็กทรอนิกข้ามชาติ ยุทธศาสตร์เอเปกเกี่ยวกับสถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อมและขนาดจิ๋ว แผนปฏิบัติการในหลายปีเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศระยะปี 2018-2020 และแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการพัฒนาชนบท – ตัวเมือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามเจิ่นต๊วนแอง ซึ่งเป็นประธานร่วมในการประชุมเอเอ็มเอ็ม 29 เผยว่า “พวกเราไม่เพียงแต่ประเมินเป้าหมายและสรุปผลที่ได้บรรลุจากแผนปฏิบัติงานปี 2017 และเป้าหมายโบกอร์เท่านั้น หากยังอนุมัติกลไกและความคิดสร้างสรรค์ที่สำคัญเพื่อปฏิบัติเป้าหมายโบกอร์หลังปี 2020 และก้าวรุดหน้าไปอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม เพื่อธำรงบทบาทที่ขาดมิได้ในโครงสร้างของภูมิภาคที่มีหลายระดับ ธำรงและส่งเสริมบทบาทของเอเชีย – แปซิฟิกให้เป็นพลังขับเคลื่อนแห่งการขยายตัวและความเชื่อมโยงในทั่วโลก ต้องการความพยายามและความเป็นเอกฉันท์ของเศรษฐกิจสมาชิก และผลสำเร็จของสัปดาห์ผู้นำเอเปก 2017 ได้สร้างนิมิตรหมายอย่างลึกซึ้งในกระบวนความร่วมมือของเอเปกเพื่อเตรียมความพร้อมให้เอเปกย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 แห่งการพัฒนาและช่วยให้เอเปกบรรลุเป้าหมายร่วมกันคือการพัฒนาอย่างยั่งยืนและคลอบคลุม.