Landmark 81 ที่นครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาอย่างคล่องตัวของเวียดนาม

สำนักข่าวระหว่างประเทศ เช่น Sputnik VOA และ Business Times ได้ให้ข้อสังเกตว่า เวียดนามเป็นจุดเด่นในการฟื้นฟูการขยายตัวของเศรษฐกิจและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาของโลก เป็นประเทศมหาอำนาจในการผลิตและมีความหมายสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลกเนื่องจากมีค่าจ้างแรงงานถูก สถานะทางภูมิศาสตร์และความได้เปรียบในการส่งสินค้า ความมีเสถียรภาพด้านการเมือง แผนพัฒนาด้านการผลิตของรัฐบาลและความไว้วางใจของสถานประกอบการต่อบรรยากาศการลงทุนของเวียดนาม ในขณะเดียวกัน ธนาคารโลกหรือ WB ธนาคาร Standard Chartered และธนาคาร HSBC ต่างแสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามเป็นประเทศที่โดดเด่นในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตลาดหลักทรัพย์ เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานหมุนเวียน สาธารณสุขและโลจิสติกส์ พร้อมทั้งเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากข้อกตลง RCEP และข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ เวียดนามเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการศึกษา กำลังพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย และเข้าสู่ช่วงเวลาทองด้านแรงงานซึ่งทำให้สถานประกอบการเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกกำลังวางแผนย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนามเพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ห่วงโซ่อุปทาน

สื่อต่างชาติและสถาบันเศรษฐกิจ เช่น DigiTimes Le Petit journal และ InvestAsian, Eurocham ต่างให้ข้อสังเกตว่า เวียดนามอาจมีรายได้และตัวเลขการค้าสูงที่สุดในกลุ่มประเทศสมาชิก RCEP จีดีพีของเวียดนามในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2012 สำหรับเรื่องนี้ สื่อนานาชาติได้วิเคราะห์ว่า เวียดนามสามารถหลีกเลี่ยงการชะลอตัวในด้านเศรษฐกิจในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งธำรงอัตราการขยายตัวเป็นบวกในช่วงวิกฤตต่าง ๆ และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่ตกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2020 การฟื้นฟูของเศรษฐกิจเวียดนามมีขึ้นอย่างเข้มแข็งและรวดเร็วมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงและอุตสาหกรรมของเวียดนามมีการขยายตัวอันดับต้น ๆของโลก เป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอัตราการขยายตัวเป็นบวกในตลอด 2 ปีติดต่อกันถึงแม้เผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ก็ตาม

ในด้านการส่งออก สื่อมวลชนโลกและองค์กรด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้ประเมินว่า เวียดนามได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกของนักลงทุนในด้านการผลิตเนื่องจากมีสถานะเชิงยุทธศาสตร์และมีความได้เปรียบในการส่งมอบสินค้า ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านแรงงานและค่าใช้จ่ายในการผลิต ปริมาณและจำนวนใบสั่งซื้อใหม่ๆ ต่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรกของปี 2022

ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สื่อมวลชนโลกและองค์กรด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่างให้ข้อสังเกตว่า เวียดนามนับวันกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจต่างๆ เป็นจุดนัดพบของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะเป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์และผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ๆของโลก โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ประเมินว่า เวียดนามได้สร้างบรรยากาศการลงทุนที่น่าสนใจ เช่น มีแหล่งบุคลากรที่พร้อมเพรียง สถานการณ์การเมืองและสังคมมีเสถียรภาพ โครงสร้างพื้นฐานได้รับการลงทุนเป็นอย่างมาก การขนถ่ายสินค้ามีความสะดวกและบรรยากาศการประกอบธุรกิจได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการให้สิทธิพิเศษที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก เงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าเวียดนามในครึ่งแรกของปี 2022 เป็นพลังขับเคลื่อนหลักที่ช่วยให้เวียดนามมีส่วนร่วมต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ปัจจุบันนี้ สถานประกอบการยุโรปและญี่ปุ่นมีแผนผลักดันการลงทุนในเวียดนามมากขึ้น

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน + ของสิงคโปร์ ธนาคารโลกและ Business Times ต่างคาดการณ์ในแง่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเวียดนาม โดยประเมินว่า เวียดนามจะมีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านความคาดหวังในปี 2022 และศักยภาพการขยายตัวในระยะกลางของเวียดนามยังคงมีสัญญาณที่น่ายินดี โดยคาดว่า จีดีพีของเวียดนามในปี 2022 จะอยู่ที่ตั้งแต่ร้อยละ 5.5-7.9.