คณะผู้แทนเวียดนามเข้าร่วมการประชุมอนุมัติอนุสัญญาต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ (VNA) |
ร่างอนุสัญญาฯ จะถูกยื่นเสนอต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเพื่อให้ 193 ประเทศสมาชิกอนุมัติโดยเร็วที่สุดและเปิดให้ทุกประเทศลงนามก่อนวันที่ 31 ธันวาคมปี 2026 หลังจากสมัชชาใหญ่สหประชาชาติอนุมัติ อนุสัญญานี้จะกลายเป็นเอกสารทางนิตินัยที่มีขอบเขตทั่วโลกฉบับแรกที่มุ่งปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์
ความจำเป็นในการปฏิบัติระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์
การพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานแล้ว แต่ในทางกลับกันผู้ที่ไม่หวังดีก็ใช้ช่องทางนี้ในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ด้วย โดยการโจมตีทางไซเบอร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งรูปแบบและขอบเขต ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของแต่ละประเทศ ดังนั้น จากความจำเป็นที่จะต้องมีกรอบทางนิตินัยร่วมเพื่อให้ทุกประเทศร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ประสานงานในการสอบสวนและการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวข้องถึงอาชญากรรมทางไซเบอร์ สหประชาชาติได้จัดทำร่างเอกสารฉบับนี้เพื่อสร้างกรอบทางนิตินัยที่ให้ทุกประเทศสมาชิกร่วมมือในการป้องกัน สืบสวน ดำเนินคดีและลงโทษกรณีอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น แฮ็กเกอร์ การฉ้อโกงทางออนไลน์ การเผยแพร่ภาพอย่างผิดกฎหมาย การล่วงละเมิดเด็กและการฟอกเงิน เป็นต้น
สำนักงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศต่างๆ สามารถปฏิบัติกิจกรรมความร่วมมือได้ตลอดเวลาเพื่อค้ำประกันการปฏิบัติในเชิงรุกอย่างรวดเร็ว ทันการณ์และตอบสนองความต้องการในการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในเนื้อหาที่น่าสนใจในอนุสัญญาฉบับนี้คือ กลไกการสนับสนุนทางเทคนิค การสร้างสรรค์ทักษะความสามารถและการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อมุ่งตอบสนองต่อความต้องการของประเทศที่กำลังพัฒนา เนื่องจากอาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ อนุสัญญานี้จะเพิ่มทักษะความสามารถด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อรับมือภัยคุกคามจากอาชญากรรมทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โลกไซเบอร์ที่ปลอดภัยและโปร่งใสมากขึ้น
หลักฐานทางนิตินัยเพื่อขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตกว่า 78 ล้านคน คิดเป็นร้อยละเกือบ 80 ของประชากร ตั้งแต่ต้นปี 2023 มาจนถึงปัจจุบัน ได้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์กว่า 1 หมื่น 3 พันครั้งในเวียดนาม ซึ่งสร้างความเสียหายที่รุนแรงต่างๆ
จากการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับภัยคุกคมดังกล่าวและความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกับประเทศและองค์กรระหว่างประเทศในการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ เวียดนามได้เข้าร่วมการหารือและเจรจาเกี่ยวกับร่างอนุสัญญาฉบับนี้นับตั้งแต่วันแรกๆ เมื่อเดือนมีนาคมปี 2022 ซึ่งการที่เวียดนามสนับสนุนการจัดตั้งกลไกการเจรจาและเข้าร่วมการประชุม 8 นัดของคณะกรรมการเฉพาะกิจของสหประชาชาติอย่างแข็งขันเป็นการแสดงให้เห็นว่า เวียดนามเป็นประเทศสมาชิกที่กระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบของประชาคมโลก ร่วมกับประเทศต่างๆ แก้ไขปัญหาระดับโลก มีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในโลก
สำหรับเวียดนามเอง ร่างอนุสัญญานี้ได้สร้างกรอบทางนิตินัยที่เป็นรูปธรรมและสมบูรณ์ ช่วยให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามกระชับความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามตรวจสอบ รวบรวมเบาะแสข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายทางไซเบอร์เพื่อสนับสนุนการดำเนินคดี
นอกจากนี้ ร่างอนุสัญญาฯ ยังเปิดโอกาสให้ประเทศที่กำลังพัฒนา รวมทั้งเวียดนามสามารถเข้าร่วมและใช้กลไกสนับสนุนทางเทคนิค เสริมสร้างทักษะความสามารถและถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับทักษะความสามารถของประเทศที่กำลังพัฒนาในการป้องกันและรับมืออาชญากรรมทางไซเบอร์ มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างโลกไซเบอร์ทั่วโลกที่โปร่งใสปลอดภัยมากขึ้น
เพื่อเตรียมพร้อมให้แก่การลงนามอนุมัติอนุสัญญาฉบับนี้อย่างเป็นทางการ เวียดนามได้ตรวจสอบ ประเมินและปรับปรุงเอกสารทางนิตินัยต่างๆ ภายในประเทศเพื่อค้ำประกันให้การบังคับใช้อนุสัญญานี้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของอนุสัญญาฯ หารือกับสหประชาชาติและหุ้นส่วนระหว่างประเทศในการปฏิบัติโครงการสนับสนุนเทคนิคที่สอดคล้องและตอบสนองความต้องการของสำนักงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของเวียดนาม
การเข้าร่วมกระบวนการเจรจาเกี่ยวกับร่างอนุสัญญาฉบับนี้อย่างเข้มแข็งถือเป็นการยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับบทบาทการเป็นฝ่ายรุกของเวียดนามในการปฏิบัติกิจกรรมการต่างประเทศพหุภาคีและแก้ไขปัญหาของประชาคมระหว่างประเทศ.