เวียดนามพยายามวางหน้าที่อย่างเป็นรูปธรรมในฐานะเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

Huyền, Huân
Chia sẻ
(VOVWORLD) - การที่เวียดนามได้เป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการยืนยันถึงแนวทางการต่างประเทศที่ถูกต้องของพรรคและรัฐเวียดนาม อีกทั้งเป็นหน้าที่อันหนักหน่วง ซึ่งเวียดนามต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปฏิบัติให้ลุล่วงไปด้วยดี นอกจากปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่อิสระและพึ่งตนเอง เวียดนามก็ต้องพยายามวางหน้าที่ต่างๆที่เป็นรูปธรรมในฐานะเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดให้สมกับความเชื่อมั่นของประชาคมระหว่างประเทศ
เวียดนามพยายามวางหน้าที่อย่างเป็นรูปธรรมในฐานะเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ - ảnh 1ตัวแทนประเทศต่างๆแสดงความยินดีต่อเวียดนามที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (hanoimoi.com.vn) 

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เวียดนามได้รับเลือกเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 ซึ่งมีบทบาทสำคัญเป็นอันดับต้นๆในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การที่เวียดนามได้รับเลือกให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอีกครั้งในรอบ 10ปีที่ผ่านมาไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับของประชาคมระหว่างประเทศต่อสถานะของเวียดนามที่นับวันพัฒนาและผสมผสานเท่านั้น หากยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความปรารถนาต่อส่วนร่วมและความรับผิดชอบของเวียดนามต่อสันติภาพ ความมั่นคงในภูมิภาคและโลกในปีต่อๆไป

เวียดนามพร้อมที่จะเข้าร่วมและส่งเสริมการแก้ไขปัญหาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

ในการเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2008-2009 เวียดนามได้มีความพยายามเป็นอย่างยิ่งและปฏิบัติหน้าที่ต่างๆอย่างลุล่วงไปด้วยดีภายใต้ความร่วมมือและการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ซึ่งมีส่วนร่วมเชิดชูและปฏิบัติตามหลักการของกฎหมายสากลและกฎบัตรของสหประชาชาติ ลดความตึงเครียด กระชับความร่วมมือ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก พร้อมทั้งมีความคิดริเริ่มที่เป็นรูปธรรมเพื่อปรับปรุงวิธีการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่มาเป็นเวลาหลายปี เวียดนามได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในเชิงรุกต่อกิจกรรมด้านการเมืองในภูมิภาคและโลก ในปัจจุบันที่สถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปฏิวัติด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 กำลังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทั่วโลก ซึ่งสร้างความท้าทายใหม่และอุปสรรคต่างๆต่อความร่วมมือพหุภาคี การสอดแทรกผลประโยชน์และการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจได้ส่งผลกระทบต่อทุกกิจกรรมด้านการเมืองระดับโลก ในสภาวการณ์ดังกล่าว สหประชาชาติ โดยเฉพาะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดสงครามและการปะทะ รวมทั้งสร้างสรรค์และผดุงสันติภาพยังคงเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือและส่งเสริมให้ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าร่วม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแสวงหามาตรการระยะยาวเพื่อแก้ไขความท้าทายต่างๆในโลกอย่างยั่งยืน

จากการที่ได้ผ่านสงครามอย่างยาวนานและการเสียสละเพื่อภารกิจการปลดปล่อยประชาชาติ ช่วงชิงเอกราชเพื่อความเป็นเอกภาพของประเทศและสร้างบรรยากาศสันติภาพเพื่อการพัฒนา ยิ่งกว่าประชาชาติใดทั้งหมด ประชาชนเวียดนามตระหนักได้ดีถึงคุณค่าของสันติภาพ เวียดนามมีประสบการณ์ มีความสามารถและได้เตรียมความพร้อมให้แก่การเข้าร่วมการแก้ไขปัญหาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎหมายสากลและกฎบัตรสหประชาชาติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเลหว่ายจุงได้ย้ำว่า“พวกเราต้องเสนอจุดยืนและทัศนะที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับปัญหาต่างๆในกรอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งต้องอาศัยการประเมินปัญหาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคและผลประโยชน์ของประเทศที่เกี่ยวข้องเพราะปัญหาร้อยละ 70-80 ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องแก้ไขคือปัญหาในภูมิภาคและเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประโยชน์ของประเทศต่างๆในภูมิภาค พร้อมทั้งต้องอาศัยทัศนะของเวียดนาม และประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพราะเวียดนามได้ให้คำมั่นในช่วงสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า จะพิจารณาผลประโยชน์ของประเทศเหล่านี้ก่อนตัดสินใจปัญหาต่างๆ”

หน้าที่ที่หนักหน่วง

ด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 ด้วยคะแนนเสียงในระดับสูง แต่ในปีแรกของวาระการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เวียดนามก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนปี 2020 ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งล้วนเป็นหน้าที่ที่หนักหน่วง ดังนั้นเวียดนามต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านเป็นอย่างดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำสหประชาชาติ ดั่งดิ่งกวี๊ได้ยืนยันว่า“หนึ่งคือ ต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร โครงสร้างและกลไกต่างๆ ในด้านบุคลากร พวกเราได้อบรมบุคลากรเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ต้องทำการอบรมเพิ่มเติมเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆอย่างรวดเร็วและทันการณ์  สองคือต้องปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานและกลไกต่างๆเพื่อสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพราะเรามีเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมงเพื่อตัดสินใจก่อนการลงคะแนนต่อปัญหาต่างๆ ดังนั้น ถ้าไม่มีกลไกการแบ่งอำนาจและกำหนดความรับผิดชอบอย่างชัดเจนระหว่างหน่วยงานต่างๆ ก็ยากที่จะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพได้ สามคือต้องทำการวิจัยและเสนอความคิดริเริ่มต่างๆเพราะสถานการณ์โลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเด็นต่างๆที่เวียดนามและประเทศต่างๆให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้น ต้องทำอย่างไรเพื่อเสนอมาตรการและประเด็นต่างๆที่ประชาคมโลกให้ความสนใจและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องแก้ไข”

จากสถานะและพลังขับเคลื่อนใหม่บวกกับแนวทางการต่างประเทศที่เปิดกว้าง มีความคิดสร้างสรรค์และคล่องตัว รวมทั้งประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2008-2009 เวียดนามได้เตรียมพร้อมให้แก่การปฏิบัติหน้าที่สมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2020 ซึ่งเวียดนามจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งและร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อโลกที่มีสันติภาพและพัฒนาอย่างยั่งยืน.

Komentar