Photo VNplus
|
เพื่อปฏิบัติแนวทางแก้ปัญหาความยากจน สนับสนุนเกษตรกรและผลักดันการผลิตเกษตร นับตั้งแต่ปี 2001 ได้มีการปฏิบัตินโยบายเกี่ยวกับการยกเว้นหรือลดภาษีการใช้ที่ดินการเกษตร ซึ่งนโยบายนี้จะหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคมปี 2020
แหล่งเงินสนับสนุนที่สำคัญ
นโยบายดังกล่าวถือเป็นมาตรการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมต่อการปฏิบัติแนวทางและทัศนะของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการเกษตร เกษตรและชนบทตามระยะต่างๆ ข้อมูลสถิติปรากฎว่า ภาษีการใช้ที่ดินเกษตรในช่วงปี 2003-2010 ได้ลดลงเฉลี่ย 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงปี 2017-2018 ลดลงเฉลี่ย 272 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าถึงปลายปีนี้จะลดลง 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นาย มายสีเยี้ยน ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดแทงฮว้ายืนยันว่า“นี่คือนโยบายส่งเสริมการเกษตรที่มีแหล่งเงินทุนสมบูรณ์เพื่อสนับสนุนองค์กรและผู้ที่อยู่ในเป้าหมายอย่างทันการณ์ ดังนั้น เกษตรกรจึงมีความเชื่อมั่นต่อนโยบายนี้มาก นโยบายนี้ได้มีส่วนช่วยยกระดับและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ส่วนผมเองก็เห็นว่า นโยบายนี้ได้ส่งเสริมให้องค์กรและบุคคลเข้ามาลงทุนในด้านการเกษตรและเขตชนบทมากขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบส่งเสริมการเกษตรที่มีประสิทธิภาพมาก”
สถานประกอบการมีบทบาทเป็น “เสาหลัก” ในการผลักดันการผลิตเกษตรตามแนวทางการผลิตสินค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่สินค้าการเกษตรของเวียดนาม ดังนั้น นโยบายดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งในนโยบายที่ส่งเสริมให้สถานประกอบการเข้ามาลงทุนในด้านการเกษตรเพื่อมีส่วนร่วมลดต้นทุนการผลิต แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรลุเป้าหมายถึงปี 2030 มีสถานประกอบการประมาณ 80,000 – 100,000 แห่งเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในด้านการเกษตรและอัตราการขยายตัวของมูลค่าการผลิตเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำอยู่ที่ร้อยละ 3 ต่อปี จำเป็นต้องปฏิบัตินโยบายดังกล่าวต่อไปเพื่อสนับสนุนองค์กรและบุคคลที่ทำการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ นาย ฝ่ามดิ่งที อธิบดีกรมนโยบายภาษีสังกัดกระทรวงการคลังแสดงความคิดเห็นว่า “นี่ถือเป็นเงินทุนของรัฐที่ลงทุนในด้านการเกษตรชนบท แทนการเก็บภาษี ภาครัฐได้ยกเว้นภาษีให้แก่เกษตรกร ดังนั้น แหล่งเงินสนับสนุนถือเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อมีส่วนร่วมต่อการลงทุนในด้านการเกษตรและชนบท ส่งเสริมการปฏิรูปหน่วยงานการเกษตรตามแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมทั้งดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในด้านการเกษตรมากขึ้น”
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าการเกษตรในตลาดต่างประเทศ
ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีฉบับต่างๆ โดยเฉพาะข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิกและข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – สหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอ พร้อมคำมั่นต่างๆที่กว้างลึก นอกจากนั้น แนวโน้มการคุ้มครองการค้าของประเทศต่างๆและความท้าทายของหน่วยงานการเกษตร เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การเชื่อมโยงคุณค่าของผลิตภัณฑ์การเกษตรและการผันผวนของราคาในตลาด เป็นต้น ได้ส่งผลให้หน่วยงานการเกษตรของเวียดนามต้องมีการพัฒนาอย่างรอบด้าน ตามแนวทางที่ยั่งยืนและผลิตในขอบเขตขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มผลผลิตและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น จำเป็นต้องใช้นโยบายยกเว้นภาษีการใช้ที่ดินการเกษตรต่อไป
สิ่งที่น่าสนใจคือ การยกเว้นภาษีการใช้ที่ดินการเกษตรสอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องฉบับต่างๆที่เวียดนามให้สัตยาบัน รวมทั้งหลักปฏิบัติสากลในการใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือทางการเงินเพื่อมีส่วนร่วมส่งเสริมการเกษตร
การลงคะแนนอนุมัติมติขยายเวลาการยกเว้นภาษีการใช้ที่ดินการเกษตรออกไปจนถึงปลายปี 2025 ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 323 ล้านดอลลาร์สหรัฐถือเป็นโอกาสให้หน่วยงานการเกษตรเวียดนามได้รับการลงทุนอย่างเป็นมืออาชีพตามแนวทางที่ทันสมัยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก.