เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอังกฤษ เจิ่นหงอกอาน และเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำเวียดนาม Gareth Ward ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศ (vietnamplus)

ข้อตกลง UKVFTA ได้รับการประเมินว่า ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการค้ำประกันการค้าระหว่างเวียดนามกับอังกฤษที่ไม่ให้ชะงักงันหลังจากอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปเท่านั้น หากยังเป็นพลังขับเคลื่อนผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างครอบคลุมและกว้างลึกมากขึ้น เป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อธำรงและเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อังกฤษ ตลอดจนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายผลักดันกรอบความร่วมมือในภูมิภาคและพหุภาคีอื่น ๆ

หัวเลี้ยวหัวต่อของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม - อังกฤษ

อาจกล่าวได้ว่า UKVFTA เป็นผลมาจากพัฒนาการที่โดดเด่นของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามกับอังกฤษภายหลัง 47 ปีที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ตลอดจนภายหลัง 10 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ การบรรลุ UKVFTA ในช่วงนี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งและเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะเมื่อประเทศต่างๆทั่วโลกมีความประสงค์ส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การเสร็จสิ้นการเจรจา UKVFTA ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดและสถานะบนเวทีโลกของเวียดนามต่ออังกฤษซึ่งเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

ความหมายแรกของ UKVFTA คือค้ำประกันให้กิจกรรมด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับอังกฤษไม่หยุดชะงักเมื่ออังกฤษเสร็จสิ้นระยะเปลี่ยนผ่าน Brexit ในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 เพราะหลังช่วงเวลานี้อังกฤษจะไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและสหภาพศุลกากรยุโรปอีกต่อไปซึ่งสิทธิพิเศษจากข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – สหภาพยุโรปหรือ EVFTA ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาจะไม่มีผลในตลาดอังกฤษ ความหมายที่สำคัญประการที่สองคือ UKVFTA จะมีส่วนร่วมเพิ่มสินค้าของทั้งสองประเทศในตลาดอีกฝ่าย สร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศซึ่งเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ UKVFTA จะสร้างเงื่อนไขให้แก่กิจกรรมการปฏิรูป การเปิดตลาดและการอำนวยความสะดวกทางการค้าในสองประเทศบนพื้นฐานของการสานต่อผลการเจรจาในเชิงบวกใน EVFTA

ด้วยลักษณะที่สนับสนุนกันในระดับสูงของ 2 เศรษฐกิจ UKVFTA จะช่วยให้การค้าทวิภาคีเติบโตอย่างเข้มแข็งในเวลาที่จะมาถึงบนเจตนารมณ์แห่งการ "ชนะร่วมกัน" นาย เจิ่นหงอกอาน เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอังกฤษได้เผยว่า “ถ้าไม่มี FTA มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15-20 แต่ถ้ามี FTA มูลค่าการค้าจะเติบโตต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย อังกฤษเป็นเศรษฐกิจที่เปิดกว้างในขณะที่เวียดนามก็เน้นเรื่องการส่งออกและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมากขึ้น”

โอกาสทางการค้าทวิภาคีที่เปิดกว้าง

UKVFTA ยังได้รับการประเมินว่า จะสร้างโอกาสให้แก่สถานประกอบการอังกฤษขยายการเจาะตลาดเวียดนาม เนื่องจากแม้จะเป็นประเทศส่งออกรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกในปี 2019 แต่ปัจจุบัน สินค้าของอังกฤษมีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 3 ของส่วนแบ่งตลาดนำเข้าของเวียดนาม ด้านที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ เภสัชกรรม เครื่องจักร อุปกรณ์เคมีภัณฑ์ รถยนต์ ธนาคารและการประกันภัย เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอังกฤษ เจิ่นหงอกอาน ได้ยืนยันว่า “ในฐานะเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ในยุโรป อันดับ 5 ของโลกและด้วยศักยภาพที่เข้มแข็ง อังกฤษได้ให้ความสนใจถึงหลายด้านในเวียดนาม อังกฤษมีจุดแข็งในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำของโลก ภาคการบริการ การเงิน การประกันภัยและการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งสถานประกอบการอังกฤษหลายแห่งได้ประสบความสำเร็จในด้านนี้”

ผ่าน UKVFTA เวียดนามจะกลายเป็นประตูเพื่อให้สถานประกอบการอังกฤษสามารถเจาะตลาดภูมิภาคที่กว้างใหญ่ สำหรับเวียดนาม การยกเลิกภาษีจะนำประโยชน์มากมายมาให้แก่อุตสาหกรรมส่งออกที่มีจุดแข็ง เช่น สมาร์ทโฟนและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและรองเท้า สินค้าเกษตร รวมถึงข้าว กาแฟ ยางพารา อาหารทะเล  เฟอร์นิเจอร์และเซรามิก ความได้เปรียบจาก UKVFTA จะสร้างโอกาสที่ดีเพื่อให้สินค้าเวียดนามเจาะตลาดอังกฤษ

อาจกล่าวได้ว่า UKVFTA ซึ่งเป็นประตูใหญ่สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามกับอังกฤษได้เปิดกว้าง ข้อตกลงฉบับนี้ยังมีส่วนร่วมสร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ในอนาคต ตอบสนองผลประโยชน์ของทั้งเวียดนามและอังกฤษ./.