ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 (Photo VGP)
|
ในระหว่างวันที่ 2—4 พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรี เหวียนซวนฟุ๊กได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนทุกนัดและการประชุมระดับสูงต่างๆ พร้อมทั้งมีการพบปะทวิภาคีกับเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติและนายกรัฐมนตรีประเทศต่างๆ เช่น ไทย อินเดีย ลาว กัมพูชา จีน นิวซีแลนด์ เจ้าชายแห่งอังกฤษและผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ โดยในการพบปะเหล่านี้ ผู้นำทุกท่านต่างแสดงความสนใจเป็นพิเศษถึงปัญหาทะเลตะวันออก สนับสนุนทัศนะที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือ สร้างสรรค์ทะเลตะวันออกที่มีสันติภาพและเสถียรภาพบนพื้นฐานของการเคารพกฎหมายสากล
สนับสนุนจุดยืนของเวียดนามในทะเลตะวันออก
นาย Robert C. Obrien ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนดรา โมดี รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย Saifuddin Abdullah และเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ต่างยืนยันจุดยืนประท้วงปฏิบัติการที่ขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชอบธรรมบนทะเลตะวันออก รวมทั้งปฏิบัติการที่ไม่เคารพอธิปไตย อำนาจอธิปไตยของประเทศอื่นๆและกฎหมายสากลในทะเลตะวันออก สนับสนุนความพยายามจัดทำหลักปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเล ตะวันออกหรือซีโอซีให้มีผลบังคับใช้ มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎหมายสากล นาย เหงียนก๊วกหยุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเผยว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาทะเลตะวันออกได้รับความสนใจจากหลายประเทศแต่ในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำประเทศต่างๆหลายท่านได้แสดงความสนใจมากขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการมีปฏิบัติการที่ละเมิดกฎหมายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและละเมิดอธิปไตยเวียดนามอย่างรุนแรงเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อประเทศอื่นๆในภูมิภาคและโลก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนที่ชัดเจนและเสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามในการประชุมนัดต่างๆว่า เวียดนามยืนหยัดปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศบนพื้นฐานการปฏิบัติตามกฎหมายสากล ปกป้องเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก ซึ่งจุดยืนนี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ”
ในการประชุมอาเซียน – จีน อาเซียน – เอเชียตะวันออกและการประชุมต่างๆ ผู้นำทุกประเทศได้สงวนเวลาส่วนใหญ่เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลตะวันออก โดยส่วนใหญ่ได้เรียกร้องให้ใช้ความอดกลั้น ไม่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อมมากขึ้นและให้ความเคารพกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 หรือ UNCLOS นอกจากนี้ ทุกประเทศยังย้ำถึงบทบาทสำคัญของการปฏิบัติดีโอซีอย่างสมบูรณ์และการจัดทำซีโอซีระหว่างอาเซียนกับจีนให้มีผลบังคับใช้ มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้ง UNCLOS 1982 โดยเร็ว
เวียดนามมีความประสงค์เป็นผู้สร้างความเชื่อมโยงของอาเซียน
นอกจากปัญหาทะเลตะวันออก ที่ประชุมยังมีนิมิตหมายสำคัญคือ การที่เวียดนามรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียนปี 2020 ต่อจากประเทศไทย ในการกล่าวปราศรัยในพิธี นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงียนซวนฟุ๊ก ได้กล่าวย้ำถึงความปรารถนาของเวียดนามในการเป็นผู้สร้างความเชื่อมโยงของอาเซียน โดยเผยว่า ความสามัคคีภายในอาเซียนมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งช่วยธำรงผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจระหว่างบรรดาประเทศสมาชิกของอาเซียน รวมทั้งการรักษาและจุดประกายให้เกิดความตระหนักและอัตลักษณ์ของการเป็นประชาคม บนเจตนารมณ์ดังกล่าว ในปี 2020 เวียดนามจะเน้นส่งเสริมความเชื่อมโยงที่ยั่งยืนของอาเซียนผ่านการเสริมสร้างความสามัคคี ความเป็นเอกฉันท์และเพิ่มการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการติดต่อกันมากขึ้นเพื่อพัฒนาคุณค่าและอัตลักษณ์ของประชาคมอาเซียน“ประชาคมที่มีความเชื่อมโยงและพัฒนาจะต้องเพิ่มการเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวเข้ากับผลกระทบจากภายนอกและความสามารถของการเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวจะเกิดประสิทธิผลก็ต่อเมื่ออาเซียนเป็นประชาคมที่มีการเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นไร้รอยต่อ เวียดนามคาดหวังต่อการสนับสนุนจากบรรดาประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนเพื่อปฏิบัติหัวข้อดังกล่าวและเจตนารมณ์ของปีอาเซียน 2020 ให้ลุล่วงไปด้วยดี”
การเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้องของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุ๊ก ได้บรรลุผลสำเร็จที่น่ายินดีต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยืนยันอธิปไตยเหนือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถละเมิดได้เท่านั้น หากยังยืนหยัดปกป้องอธิปไตยบนทะเลตะวันออกตามกฎหมายสากลอีกด้วย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2020 เวียดนามจึงส่งสาส์นว่า จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อร่วมกับทุกประเทศสมาชิกสานต่อผลสำเร็จที่ได้บรรลุของอาเซียน เสริมสร้างความสามัคคี ส่งเสริมการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมและยั่งยืน.