(VOVworld)-วันนี้ 30พฤศจิกายน ท่านเหงวียนเตินหยุงนายกฯพร้อมคณะผู้แทนเวียดนามได้เข้าร่วมการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP-21 ที่มีขึ้น ณ กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส โดยเวียดนามอยากยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นทางการเมืองที่เข้มแข็งคือจะเป็นฝ่ายรุกและเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศเพื่อร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ
จากผลร้ายที่นับวันยิ่งรุนแรงที่มนุษย์ต้องแบกรับจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุม COP-21 ถือเป็นหนึ่งในการประชุมที่ใหญ่ที่สุดของโลกในปี2015โดยมีการเข้าร่วมของผู้แทนประมาณ5หมื่นคนจาก185ประเทศทั่วโลก โดยเป้าหมายสำคัญของที่ประชุมคือการบรรลุความเห็นพ้องในการสร้างกรอบทางนิตินัยใหม่ในระดับโลกว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศช่วงหลังปี2020ที่เรียกว่า ข้อตกลงปารีส2015 ซึ่งตามนั้นบรรดาประเทศสมาชิกได้ให้คำมั่นปรับลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสในปลายศตวรรษที่21
ถ้าหากข้อตกลงปารีส2015ได้รับการอนุมัติในที่ประชุมก็จะเป็นครั้งแรกในรอบ20ปีที่ประชาคมระหว่างประเทศที่เข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศโลกในกรอบสหประชาชาติสามารถบรรลุความตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายด้วยการเข้าร่วมของทุกประเทศที่มีการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกทั้งประเทศที่พัฒนาและกำลังพัฒนา
เดินหน้าในการปฏิบัติรายงานแห่งชาติว่าด้วยคำมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
จากการเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เวียดนามจึงตระหนักถึงผลเสียหายที่รุนแรงจากปัญหานี้ต่อกระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศและในทั่วโลก ดังนั้นเป็นเวลานานแล้วที่รัฐบาลเวียดนามได้ให้ความสนใจต่อการร่างและปฏิบัตินโยบายและโครงการแห่งชาติว่าด้วยการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนได้เข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาระหว่างประเทศที่สำคัญต่างๆและได้มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งในการเจรจาระหว่างประเทศเกี่ยวกับปัญหานี้
ทั้งนี้ก่อนการประชุม COP-21 เวียดนามเป็นหนึ่งใน150ประเทศที่ให้คำมั่นแห่งชาติเพื่อร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศพยายามลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ค้ำประกันเป้าหมายการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกในปลายศตวรรษที่21ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน2องศาเซลเซียส และนี่ก็เป็นหนึ่งในเนื้อหาหลักของกรอบทางนิตินัยฉบับใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะเดียวกัน เวลาที่ผ่านมา กระทรวง หน่วยงาน องค์การวิจัยและองค์การเอ็นจีโอต่างๆของเวียดนามรวมทั้งองค์การระหว่างประเทศและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของเวียดนามได้มีการประสานงานกันเพื่อจัดทำรายงานเกี่ยวกับคำมั่นดังกล่าว ซึ่งมีสองส่วนที่ชัดเจนคือการปรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ8ผ่านปฏิบัติการที่ใช้พลังภายในประเทศในปี2030และอัตรานี้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ25ถ้าได้รับการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ ส่วนที่สองคือการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านกิจกรรมต่างๆที่เวียดนามกำลังปฏิบัติ ข้อจำกัดด้านระเบียบการ นโยบาย การเงิน แหล่งบุคลากรและเทคโนโลยีตลอดจนมาตรการรับมือที่เหมาะสมในช่วงปี2021-2030
ควบคู่กันนั้น นายกฯเวียดนามได้มีบทปราศรัยที่สำคัญในการประชุมระดับสูง COP-21 เพื่อยืนยันให้โลกรับทราบเกี่ยวกับคำมั่นทางการเมืองของรัฐบาลเวียดนามที่ได้รับการปฏิบัติในเชิงรุกด้วยความรับผิดชอบสูงเพื่อร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศรับมือกับภาวะโลกร้อนทั้งในระดับประเทศและในกรอบระหว่างประเทศ
มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งกับโลกเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน
ในกรอบการประชุม COP-21 นายกฯเหงวียนเตินหยุงยังมีการพบปะหารือทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่างๆเพื่อขยายโอกาสแห่งความร่วมมือและสนับสนุนกันในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเวียดนามในสภาวการณ์ที่เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะโลกร้อน โอกาสนี้นายกฯเวียดนามยังจะเป็นประธานร่วมในการสนทนาระดับสูงว่าด้วยการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงโดยมีผู้นำของประเทศในภูมิภาค ประเทศหุ้นส่วนและธนาคารโลกเข้าร่วม
การที่นายกฯเวียดนามได้นำคณะผู้แทนเข้าร่วมประชุม COP-21 นั้นก็เพื่อปฏิบัติแนวทางการเป็นฝ่ายรุกและการผสมผสานเข้ากับโลกอย่างเข้มแข็งของเวียดนาม เป็นการแสดงให้เห็นถึงคำมั่นของเวียดนามที่จะร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศพร้อมทั้งขยายโอกาสแห่งความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับหุ้นส่วนต่างประเทศในปัญหานี้.