ในหลายปีมานี้ ภายใต้การนำของพรรคโดยท่าน เหงวียนฟู้จ่องเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค เวียดนามยืนหยัดปฏิบัติภารกิจการป้องกันและปราบปรามการทุจาริตคอร์รับชั่นอย่างเคร่งครัดบนเจตนารมณ์ “ไม่มีขอบเขตต้องห้าม ไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใคร”

การปฏิบัติภารกิจบนเจตนารมณ์ “ไม่มีเขตต้องห้าม ไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใคร”

สถานการณ์ภายในประเทศในหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า งานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นได้มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อการสร้างสรรค์และปรับปรุงองค์กรพรรคและทำให้ระบบการเมืองมีความบริสุทธิ์และโปร่งใส สร้างพื้นฐานให้แก่การดำเนินงานในวาระต่อๆไปเพื่อปฏิบัติเป้าหมายต่างๆของพรรคอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการเห็นพ้องให้ผู้นำระดับสูงของพรรคหลายนายให้พ้นจากตำแหน่งหลังจากสอบสวนพบว่า กระทำผิดและสำนึกผิด ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อพรรคและประชาชน โดยจากมุมมองความรับผิดชอบ “การไม่มีเขตต้องห้าม” ได้รับการดำเนินงานในภาคปฏิบัติในระดับสูงสุดผ่านการที่ไม่มีผู้นำคนใดได้รับการยกเว้นความรับผิดทางการเมือง ซึ่งการให้ผู้นำระดับสูงขอพ้นจากตำแหน่งและได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกลางพรรคแสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของพรรคและเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ที่ได้ยืนยันหลายครั้งว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจาริตคอร์รัปชั่นนั้น “ไม่มีขอบเขตต้องห้าม”

ส่วนรายงานรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและประชาชนที่ส่งถึงการประชุมครั้งที่ 7 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ที่กำลังมีขึ้น ณ กรุงฮานอย ระบุว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและประชาชนประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นภายใต้การนำของพรรคโดยเลขาธิการใหญ่พรรคเป็นหัวหน้าคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นว่า ยังคงบรรลุผลงานที่สำคัญในทุกด้าน “พูดได้ทำได้” “ไม่มีขอบเขตต้องห้าม ไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใคร” โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงโทษกรณีกระทำผิดอย่างเคร่งครัด ทันการณ์ สมเหตุสมผลและยึดคืนทรัพย์สินจากคดีทุจริตคอร์รัปชั่น

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและประชาชนเห็นพ้องและสนับสนุนพรรคและรัฐในการลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ละเมิดระเบียบวินัยของพรรคและความรับผิดในการเป็นผู้นำให้พ้นจากตำแหน่ง พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นต่อพรรคและรัฐในการปฏิบัติงานที่ยากลำบากและซับซ้อนนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยความคิดเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคและรัฐนับวันได้รับการเสริมสร้างให้มั่นคงแน่วแน่

ค้ำประกันเสถียรภาพ

ควบคู่กับการปฎิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเคร่งครัด เสถียรภาพทางการเมืองยังคงได้รับการรักษา แนวทางของพรรคยังคงมีความเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือพรรคได้ระบุในหลายวาระที่ผ่านๆมาว่า การลงโทษและให้พ้นจากตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้พรรคมีความบริสุทธิ์มากขึ้นและค้ำประกันบทบาทเป็นผู้นำของพรรค

นอกจากนี้ พรรคยังให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้งผู้นำประเทศเพิ่มเติม โดยในการประชุมครั้งที่ 9 คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 13 คณะกรรมการกลางพรรคได้หารือและพิจารณาอย่างรอบคอบ เห็นพ้องในระดับสูงเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานประเทศและประธานสภาแห่งชาติเพื่อให้พรรคสาขาสภาแห่งชาติเสนอชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งให้แก่การประชุมครั้งที่ 7 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 พิจารณาอนุมัติ ทำการเลือกตั้งเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกกรมการเมืองพรรค 4 คน ได้แก่ นาย เลมิงฮึง หัวหน้าคณะกรรมการด้านบุคลากรส่วนกลางและปลัดสำนักงานคณะกรรมการกลางพรรค นาย เหงวียนจ่องเหงียะ หัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาส่วนกลาง นาง บุ่ยถิมิงหว่าย หัวหน้าคณะกรรมการรณรงค์ปวงชนส่วนกลาง นาย โด๊ะวันเจี๊ยน ประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ได้ทำการเลือกพลตำรวจเอก โตเลิม ดำรงตำแหน่งประธานประเทศวาระปี 2021 - 2026 และนาย เจิ่นแทงเหมิน ดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ด้วยเสียงสนับสนุนข้างมาก ซึ่งผลงานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความเป็นเอกภาพของพรรคเพื่อเป้าหมายรักษาเสถียรภาพสำหรับพัฒนาประเทศ

ประชาชาติเวียดนามเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคุณค่าของสันติภาพ เอกราช เอกภาพ เสถียรภาพทางการเมืองต่อกระบวนการพัฒนาประเทศและชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกของประชาชน โดยเสถียรภาพทางการเมืองคือเงื่อนไขและปัจจัยที่สำคัญเพื่อปกป้องเอกราชประชาชาติ รับมือความท้าทายทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า เวียดนามจะยืนหยัดรักษาเสถียรภาพของประเทศตลอดไป.