การฟ้องร้องของนาง เจิ่นโต๊งา นับวันได้รับการสนับสนุนจากประชามติ (Collectif Vietnam-Dioxine)

ในช่วงเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 1961-1971 กองทัพสหรัฐได้โปรยสารเคมีประมาณ 80 ล้านลิตร โดยร้อยละ 61 เป็นสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินลงในพื้นที่ 3.06 ล้านเฮกตาร์ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ การกระทำนี้เป็นการก่อสงครามเคมี ซึ่งส่งผลเสียที่ร้ายแรงและยืดเยื้อต่อชาวเวียดนามมาจนถึงทุกวันนี้

ยืนหยัดดำเนินการแสวงหาความเป็นธรรม

เมื่อปี 2004 สมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามและตัวแทนของผู้เคราะห์ร้ายบางคนได้ฟ้องร้องบริษัทสารเคมีสหรัฐที่ผลิตสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเพื่อใช้ในสงครามเวียดนามให้ชดเชยแก่ผู้เคราะห์ร้ายเวียดนาม ในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คำร้องได้ถูกส่งไปยังศาลต่างๆของรัฐบาลกลางสหรัฐ ได้แก่ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา แต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมดโดยเหตุผลว่าไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ ถึงกระนั้น คดีดังกล่าวก็ได้แสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่า กองทัพสหรัฐได้ทำสงครามเคมีด้วยการอธิบายที่ไม่ถูกต้องว่า "ใช้แต่สารกำจัดวัชพืชเพื่อการเคลียร์ที่ดิน" เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2009 นาง เจิ่นโต๊งา ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายเวียดนามซึ่งเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินได้ยื่นฟ้องบริษัทผลิตสารเคมีของสหรัฐ 26 แห่งเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามเกือบ 5 ล้านคน ในตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะประสบอุปสรรคมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้

“อันที่จริง ดิฉันป่วยหลายโรค ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน บางครั้งก็เครียดมาก แต่จิตสำนึกไม่ยอมให้หยุด ไม่ย่อท้อ ต้องไปให้ถึงที่สุด”

เพื่อให้กำลังใจให้แก่นาง เจิ่นโต๊งาน บริษัท เดื่องแซก นครโฮจิมินห์ สำนักพิมพ์เยาวชนและหนังสือพิมพ์ต๋วยแจ๋หรือเยาวชนได้ร่วมกันปฏิบัติโครงการ "คดีสีส้ม – กระบวนการเรียงร้องความยุติธรรมสำหรับผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน" ซึ่งดำเนินในปี 2021 โดยมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ให้กำลังใจและเรียกร้องการสนับสนุนของทุกคนต่อนาง เจิ่นโต๊งาในการต่อสู้คดีที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายปี  พลโท เหงียนวันริงห์ นายกสมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามได้เผยว่า

“ทางสมาคมฯได้ผลักดันการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เพื่อนมิตร และประชาคมโลกมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับผลอันร้ายแรงและยาวนานจากสารเคมีที่กองทัพสหรัฐได้โปรยในสงครามต่อสิ่งแวดล้อมและคนเวียดนาม ทางสมาคมฯได้ประสานกับสำนักงาน หน่วยงาน องค์กรและบุคคลยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามผ่านมาตรการที่เหมาะสมสอดคล้องกับแนวทาง นโยบายด้านการต่างประเทศของพรรคและธรรมเนียมปฏิบัติสากล ทางสมาคมฯได้ออกแถลงการณ์และจะให้การสนับสนุนการฟ้องร้องของนาง เจิ่นโต๊งา ชาวเวียดนามโพ้นทะเลในฝรั่งเศส อีกทั้งสนับสนุนผู้โดนสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินที่สหรัฐใช้ในสงครามเวียดนามที่ฟ้องร้องบริษัทสารเคมีของสหรัฐให้ชดเชยความเสียหาย”

การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากประชามติโลก

แม้ในช่วงเริ่มต้น นาง เจิ่นโต๊งา ได้ทำการต่อสู้เพียงลำพัง แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เธอได้รับการสนับสนุนจากผู้คนนับหมื่นคนทั่วโลก ในการต่อสู้คดีเมื่อวันที่ 25 มกราคมปี 2021 ณ ประเทศฝรั่งเศส ผู้ให้การสนับสนุนนาง เจิ่นโต๊งา หลายคนอยู่ในห้องพิจารณาคดี รวมทั้งนักการเมืองชาวฝรั่งเศสด้วย เธอกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกว่า ได้รับการให้ความเคารพและซาบซึ้งใจมาก ดิฉันรู้ว่า ดิฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ดิฉันยอมแพ้ไม่ได้"

ไม่เพียงแต่ในคดีของนาง เจิ่นโต๊งา เท่านั้น หากในกระบวนการแสวงหาความยุติธรรมเพื่อผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามก็ยังได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่จากเพื่อนมิตรชาวต่างชาติอยู่เสมอ อย่างเช่นในสหรัฐ ผู้ที่รักสันติภาพและชาวอเมริกันหัวก้าวหน้า ได้ให้การสนับสนุนผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามในการเรียกร้องให้ปกป้องสิทธิผลประโยชน์ องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งยังสนับสนุนผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน โดยเมื่อปี 2009 สภาสันติภาพโลกหรือ WPC ได้กำหนดให้วันที่ 10 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันเพื่อผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนาม ตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2009 สมาคมทนายความประชาธิปไตยระหว่างประเทศหรือ IADJ ได้จัดตั้งศาลประชามติโลกเพื่อดำเนินคดีบริษัทผลิตสารเคมี37 แห่งของสหรัฐที่จัดสรรสารเคมีให้แก่กองทัพสหรัฐเพื่อใช้ในสงครามเวียดนาม ปัจจุบัน IADJ ยังคงให้การสนับสนุนการฟ้องร้องอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่องค์กรระหว่างประเทศได้จัดเวทีและฟอรั่มสนับสนุนผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนาม  สมาชิกคนหนึ่งของขบวนการต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศสหรือ MNLE ได้เผยว่า

“สารพิษสีส้มไดอ๊อกซินถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงสำหรับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ผม ได้ร่วมกับขบวนการต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและให้การสนับสนุนเพื่อนมิตรของเรา”

ผลกระทบของสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินต่อสุขภาพของมนุษย์เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ และหลายทศวรรษหลังจากวันที่เริ่มโปรยสารเคมีลงในเวียดนาม ฝ่ายสหรัฐได้เข้าร่วมกลุ่มสนทนาเวียดนาม-สหรัฐเกี่ยวกับสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน ทำการชะล้างสารพิษในสนามบินดานัง ตลอดจนทำการกำหนดพื้นที่ปนเปื้อนสารพิษไดอ๊อกซิน 33 แห่งในเวียดนามที่ต้องได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพื่อแก้ไข ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐและศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการแก้ไขผลกระทบจากสารเคมีได้ทำการสำรวจและตัดสินใจจัดตั้งโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้พิการ 100,000 คนใน 8 จังหวัดของเวียดนาม เช่นที่จังหวัด กว๋างบิ่ง บิ่งดิ่ง เถื่อเทียนเว้ ไตนิงและด่งนาย

แม้ฝ่ายสหรัฐได้มีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมในเชิงสร้างสรรค์ แต่ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับผลกระทบที่ชาวเวียดนามต้องทนรับ ผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามจำเป็นต้องได้รับการชดเชยอย่างยุติธรรม.