ประธานประเทศเวียดนาม เหงียนซวนฟุ๊ก และเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาว ทองลุนสีสุลิด

ปีสามัคคีมิตรภาพเวียดนาม – ลาวได้ช่วยแปรแนวทางและนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายและให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับบรรดาประเทศเพื่อนบ้านตามมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ให้เป็นรูปธรรม

ตัวอย่างที่หายากเกี่ยวกับความผูกพันใกล้ชิดที่แน่นแฟ้น

เพื่อเป็นการยืนยันถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศเกี่ยวกับการธำรงและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศ ทั้งเวียดนามและลาวได้จัดกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ในกรอบของปีสามัคคีมิตรภาพ ซึ่งที่น่าสนใจคือพิธีฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 45 ปี วันลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือเวียดนาม – ลาว ในทั้งสองประเทศ โดยมีผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศเข้าร่วม การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ การพบปะสังสรรค์และกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆ ตลอดจนกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ศิลปะ การศึกษาและการกีฬา เป็นต้น ก็ได้รับการกระชับ ทั้งสองประเทศได้เปิดการประกวดต่างๆ เช่น “การศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์พิเศษเวียดนาม – ลาวและลาว – เวียดนาม” “ของที่ระลึกเล่าเรื่อง” เป็นต้น เพื่อช่วยให้คนรุ่นใหม่และประชาชนของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์พิเศษนี้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการปกป้อง พัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์พิเศษเวียดนาม – ลาวของผู้นำและประชาชนของทั้งสองประเทศดั่งคำประกาศของท่าน  ทองลุนสีสุลิด เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาวในพิธีฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 45 ปี วันลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือเวียดนาม – ลาว ณ กรุงเวียงจันท์ ประเทศลาวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า

“ จิตใจแห่งมิตรภาพ ความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างลาวกับเวียดนามไม่เพียงแต่เป็นจิตใจแห่งความเป็นสหายและพี่น้องที่สนิทสนมเท่านั้น หากยังเป็นความสามัคคีที่ผูกพันแน่นแฟ้นอีกด้วย ซึ่งกลายเป็นมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านที่ได้คงอยู่กับประชาชนของทั้งสองประเทศตลอดกาล เรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ความสัมพันธ์นั้นเป็นเกียรติประวัติที่มีมาช้านานของสองพรรค สองรัฐและประชาชนสองประเส ซึ่งได้รับการทำนุบำรุงจากคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าและเข้มแข็งถึงทุกวันนี้ เอื้อประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อประชาชนของทั้งสองประเทส”

ส่วนในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนาม นาย เหงียนบ๊าหุ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศลาวได้แสดงความคิดเห็นว่า

“ปีสามัคคีพิเศษระหว่างสองประเทศได้ส่งสารที่สำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหมายที่สำคัญและชี้ขาดของความสัมพันธ์พิเศษเวียดนาม – ลาว พร้อมทั้งช่วยให้โลกรับทราบเกี่ยวกับความตั้งใจของผู้นำพรรคและรัฐเวียดนามและลาวเกี่ยวกับความร่วมมือทำนุบำรุงและกระชับให้ความสัมพันธ์นี้คงอยู่ตลอดกาลท่ามกลางความผันผวนของโลกและภูมิภาค”

นาย เหงียนบ๊าหุ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศลาว

คงอยู่ตลอดกาล

ปีสามัคคีมิตรภาพเวียดนาม – ลาวและลาว – เวียดนาม 2022 ปิดลงในเดือนธันวาคมนี้แต่กิจกรรมต่างๆ ในปีสามัคคีนี้ยังคงช่วยให้หน่วยงานทุกระดับและประชาชนทุกชั้นชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับเกียรติประวัติที่มีมาช้านาน ความหมายและบทบาทสำคัญของความสัมพันธ์ที่ซื่อสัตย์และโปร่งใสระหว่างสองพรรค สองรัฐและสองประชาชาติมากขึ้น นาย เจิ่นหิวหยุง ผู้ที่เข้าร่วมวันงานการพบปะสังสรรค์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวในเขตชายแดนเวียดนาม – ลาวครั้งที่ 3 ปี 2022 ณ เมืองเดียนเบียน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมากล่าวว่า

“ในฐานะคนเวียดนาม ผมมีความภูมิใจเกี่ยวกับเกียรติประวัติที่มีมาช้านานในด้านวัฒนธรรมของประชาชาติและความสามัคคีมิตรภาพที่ยากจะหาได้ระหว่างเวียดนามกับลาว งานในวันนี้ นอกจากมีขอบเขตที่ยิ่งใหญ่แล้ว เนื้อหาและรายการแสดงศิลปะต่างๆ ยังคงบ่งบอกเกี่ยวกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมของเวียดนามและลาวอีกด้วย รวมทั้งความสามัคคีที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ”

กิจกรรมต่างๆ ในปีสามัคคีมิตรภาพเวียดนาม – ลาวยังคงสร้างความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบให้แก่คนรุ่นใหม่ในการปกป้อง ธำรงและพัฒนาความสัมพันธ์มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับลาวมากขึ้น นาย บุ่ยกวางฮวี เลขาธิการคนที่หนึ่งของกองเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์ยืนยันว่า

“กองเยาวชนฯ พวกเราตระหนักได้ดีว่า ต้องพยายามมากขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์นี้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ในหลายปีที่ผ่านมา กองเยาวชนฯ และเยาวชนของทั้งสองประเทศได้จัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์มิตรภาพและความร่วมมือในด้านต่างๆ ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งตอบสนองความต้องการ ความปรารถนาและผลประโยชน์ของเยาวชนทั้งสองประเทศ”