(VOVworld) – เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ประชาชนเวียดนามจะฉลองครบรอบ 70 ปีการปฏิวัติประสบความสำเร็จในเดือนสิงหาคม เมื่อ 70 ปีก่อน แม้จะมีสมาชิกพรรคกว่า 5 พันคนเท่นั้นแต่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้นำประชาชาติทำการปฏิวัติประสบชัยชนะในเดือนสิงหาคมแห่งประวัติศาสตร์ซึ่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นี้ได้สร้างบทเรียนเกี่ยวกับการสร้างสรรค์พรรคเพื่อพัฒนาประเทศในปัจจุบัน
ในการประเมินเกี่ยวกับบทบาทของพรรคในการปฏิวัติเดือนสิงหาคม ประธานโฮจิมินห์เคยเขียนว่า “ไม่เพียงแต่ชนชั้นแรงงานและประชาชนเวียดนามเท่านั้นมีความภาคภูมิใจ หากชนชั้นแรงงานและประชาชาติที่ถูกกดขี่ในประเทศอื่นๆก็สามารถมีความภาคภูมิใจได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แห่งการปฏิวัติของประชาชาติที่ตกเป็นอาณานิคมและกึ่งอาณานิคมที่ภายใต้การนำของพรรคที่มีอายุ 15 ปีเท่านั้นสามารถทำการปฏิวัติจนประสบความสำเร็จและยึดอำนาจในการบริหารประเทศ”
แนวทางการนำที่ถูกต้อง
ตามความเห็นของรองศาสตราจารย์ ดร. เหงียนจ่องฟุก อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์ของพรรคสังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ การนำที่ถูกต้องของพรรคแสดงให้เห็นผ่านการที่พรรคได้กำหนดและปรับปรุงแนวทางปลดปล่อยประชาชาติให้มีความสมบูรณ์ สร้างสรรค์กองกำลังปฏิวัติที่แข็งแกร่งและใช้วิธีการปฏิวัติที่เหมาะสม พร้อมทั้งสามารถแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างโอกาสและภัยคุกคามในการปฏิวัติเป็นอย่างดี แนวคิดยุทธศาสตร์ของพรรคในการลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่เดือนสิงหาคมแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับพลังที่เข้มแข็งของประชาชน“พรรคได้ตระหนักว่า ต้องสร้างสรรค์กองกำลังปฏิวัติที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะกองกำลังการเมืองในแนวร่วมเวียดมิงห์ เป็นฝ่ายรุกในการพัฒนาความสามารถในการทำการปฏิวัติ 2คือพรรคได้เน้นสร้างสรรค์กลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติและระดมชนทั้งชาติในแนวร่วมเวียดมิงห์ซึ่งพลังที่เข้มแข็งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติได้ปลุกเร้าจิตใจรักชาติที่เข้มแข็งของประชาชาติเพื่อส่งเสริมจิตใจแห่งการพึ่งพาตนเองของประชาชาติ”
ดร. เหงียนจ่องฟุก อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์ของพรรค
สังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์
|
ในกระบวนการลุกขึ้นสู้ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยังคงตระหนักได้ดีถึงบทบาท สถานะการนำของตน ให้ความสำคัญต่อหน้าที่การพัฒนาสมาชิกพรรค สร้างสรรค์องค์การพรรค ขยายกลุ่มมหาสามัคคีและความเเป็นเอกภาพในพรรค ดังนั้นในช่วงนั้น ถึงแม้พรรคมีอายุเพียง 15 ปีและมีสมาชิกพรรค 5 พันคนเท่านั้นแต่ก็สามารถนำประชาชนสร้างการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ สถาปนาประเทศของกรรมกรและเกษตรกรแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การปฏิวัติประสบชัยชนะในเดือนสิงหาคมปี 1945ได้กลายเป็นตัวอย่างของการปฏิวัติปลดปล่อยประชาชาติและปลดปล่อยอาณานิคมในทั่วโลก
บทเรียนที่ล้ำค่าเกี่ยวกับการสร้างสรรค์กองกำลัง
ปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีอายุ 85 ปี มีสมาชิกพรรคกว่า 4 ล้านคน หน้าที่ของพรรคต่อประเทศและประชาชาติหนักหน่วงยิ่งกว่าเวลาใดทั้งหมด นั่นคือความรับผิดชอบในการนำประชาชนปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้ประสบความสำเร็จ เปิดกว้างประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก พรรคยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่คือการรักษาคุณลักษณะของการปฏิวัติ ความสามัคคีและความเป็นเอกภาพภายในองค์การพรรค รองศาสตราจารย์ ดร. เหงียนมิงต๊วน หัวหน้าสถาบันสร้างสรรค์พรรคสังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้แสดงความเห็นว่า“สมาชิกพรรคที่เดินตามการปฏิวัติและพรรคไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มีความบริสุทธิ์ ถือผลประโยชน์ของประชาชาติและประชาชนเป็นหลัก ต้องเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัว ในช่วงการปฏิวัติเดือนสิงหาคม สมาชิกพรรคได้ยอมเสียสละซึ่งปัจจุบันก็ต้องปฏิบัติเช่นนั้น สมาชิกพรรคต้องเป็นผู้เดินหน้า ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคหรือหลงไหลไปกับผลประโยชน์ที่มิชอบ บทเรียนนี้จะคงอยู่ตลอดไป โดยเฉพาะในขณะที่พรรคขึ้นกุมอำนาจ”
ศาสตราจารย์ หวูเยืองนิงห์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย
|
ส่วนศาสตราจารย์ หวูเยืองนิงห์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยได้แสดงความเห็นว่า การทำปฏิวัติในเดือนสิงหาคม พรรคได้ระดมสมาชิกที่กล้าหาญ สร้างสรรค์และพัฒนาองค์การพรรคสาขา พร้อมทั้งพัฒนาพรรคบนพื้นฐานประชาชน ปัจจุบัน ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทั้งภายในและต่างประเทศมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ทำให้พรรคต้องเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง พัฒนาให้ดีขึ้นให้สมกับความไว้วางใจของประชาชน“งานด้านการสร้างสรรค์พรรคตั้งแต่การจัดตั้งคือกระบวนการที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย แต่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ฟันฝ่าอุปสรรคจนกลายเป็นพรรคที่มีความเข้มแข็งและนำการปฏิวัติเวียดนาม การต่อสู้ยิ่งดุเดือด กลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริยิ่งมุ่งมั่นทำลายพรรคจึงต้องสร้างสรรค์แถวขบวนเจ้าหน้าที่สมาชิกที่มีแนวคิด คุณสมบัติและองค์กรให้มีความเข้มแข็งและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพรรคต้องอาศัยต่อประชาชน”
70 ได้ผ่านพ้นไปแต่มหาชัยชนะของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมยังคงมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ซึ่งการนำที่ปรีชาสามารถและแจ่มจรัสของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามไม่เพียงแต่เป็นบทเรียนที่ล้ำค่าต่อการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติของประชาชนเวียดนามเท่านั้น หากยังมีความหมายที่ลึกซึ้งในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนาประเทศในปัจจุบันอีกด้วย.