เมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ณ จัตุรัสบาดิ่งห์ในกรุงฮานอย ในนามรัฐบาลชั่วคราว ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชอันเป็นการกำเนิดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม |
ปฏิญญาเอกราชปี 1945 ได้เชื่อมชาวเวียดนามทุกคนให้ร่วมใจสามัคคี โบกสะบัดธงแดงดาวเหลืองเพื่อก้าวไปข้างหน้า ฟันฝ่าความยากลำบากเพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน สิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชาติและสิทธิในการมีชีวิตที่ผาสุกของประชาชนทุกคน
ความสำเร็จจากเอกราชและเสรีภาพ
ภายหลังการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ประชาชนเวียดนามได้สามัคคีจนมีชัยเหนือสงครามต่อสู้ผู้รุกรานที่ยาวนานถึง 2 ครั้งเพื่อรวมประเทศเป็นเอกภาพ และในเวลาต่อมาก ก็ได้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ รอบด้านและมีความหมายทางประวัติศาสตร์
จากประเทศที่ยากจนและล้าหลัง ปัจจุบัน เวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางพร้อมความสำเร็จมากมายในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นาย หว่างหลก ชาวเวียดนามโพ้นทะเลในอังกฤษกล่าวว่า
“เราพบว่า ประเทศได้พัฒนาเป็นอย่างมาก เวียดนามยังคงมีเสถียรภาพ สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก เศรษฐกิจพัฒนา สามารถดึงดูดนักลงทุน ประชาชนก็มีความตื่นเต้น ประเทศประสบความสำเร็จมากมาย มีการการก่อสร้างถนน การคมนาคมสะดวกและพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้น”
ในกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก เวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนการค้า เป็นสมาชิกของข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่หลายฉบับ อีกทั้งเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน นาย Philipp Rösler อดีตผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของฟอรั่มเศรษฐกิจโลกกล่าวว่า
“มีบริษัทต่างชาติหลายแห่งที่มีความต้องการเพิ่มความหลากหลายด้านแหล่งอุปทาน และนั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องหาพื้นที่ใหม่เพื่อตั้งโรงงานผลิต ซึ่งรวมถึงสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน เมื่อกล่าวถึงอาเซียน แน่นอนว่า พวกเขาจะกล่าวถึงเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีบรรยากาศการลงทุนที่น่าดึงดูดใจ”
เพื่อสนับสนุนการพัฒนา เวียดนามได้เข้าร่วมองค์กรระหว่างประเทศและสถาบันความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีต่าง ๆ มีบทบาทและเสียงพูดที่สำคัญทั้งในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก เวียดนามยังได้เป็นสมาชิกเข้าร่วมการปฏิบัติกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเพื่อมีส่วนร่วมที่เป็นรูปธรรมให้แก่ความมั่นคงของภูมิภาคและโลก นาง Robyn Mudie เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำเวียดนามประเมินว่า
“เราถือว่าเวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ มีบทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญมากขึ้นในภูมิภาค เรามีผลประโยชน์ร่วมกันมากมาย ที่ส่วนใหญ่อยู่บนพื้นฐานของการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เรายังแบ่งปันผลประโยชน์มากมายในทุกด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ การป้องกันประเทศ ความมั่นคง การเกษตรและการศึกษา”
ในการกล่าวปราศรัยเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 เมื่อเดือนมกราคมปี 2021 เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องย้ำว่า
“ความสำเร็จเหล่านั้นเป็นผลแห่งความคิดสร้างสรรค์และกระบวนพยายามอย่างต่อเนื่อของทั้งพรรค ประชาชนและกองทัพ เป็นการยืนยันว่า เส้นทางไปสู่สังคมนิยมของเวียดนามนั้นถูกต้อง สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงของเวียดนามและแนวโน้มการพัฒนาของยุคสมัย
เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง กล่าวปราศรัยเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 เมื่อเดือนมกราคม 2021(laodong.vn) |
ความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนา
ประวัติศาสตร์ของประชาชาติเวียดนามคือกระบวนการต่อสู้และรักษาเอกราชของประชาชาติ ปฏิญญาเอกราชวันที่ 2 กันยายนปี 1945 เป็นการย้ำเตือนให้คนรุ่นหลังต้องส่งเสริมความรักชาติต่อไป สร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่ง มั่งคั่งและมีบทบาทสำคัญบนเวทีโลก
จากการสานต่อประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน ประชาชนเวียดนามมีความเป็นหนึ่งเดียวในการผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยด้วยสถานะใหม่ของผู้ที่เป็นเจ้าของอนาคตของประเทศ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในเป้าหมายซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่13 ได้วางไว้คือจนถึงปี 2025 เวียดนามจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่มีระดับรายได้เฉลี่ยต่ำ จนถึงปี 2030 ซึ่งตรงกับโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคฯ จะยกระดับเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา มีอุตสาหกรรมที่ทันสมัย มีรายได้ปานกลางในระดับสูง จนถึงปี 2045 ซึ่งตรงกับการฉลองครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จะพัฒนาเป็นประเทศที่พัฒนาและมีรายได้สูง พร้อมกับยุทธศาสตร์แห่งชาติแบบบูรณการตามระยะเวลาดังกล่าว ยุทธศาสตร์อื่น ๆ เช่น ยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล ยุทธศาสตร์พลังงานแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกยังได้รับการปฏิบัติด้วยความปรารถนาที่จะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองในเวลาที่จะถึง
“บนเส้นทางแห่งการพัฒนาในเวลาที่จะถึง เวียดนามมีเหตุการณ์สำคัญ 2 เหตุการณ์คือ 100 ปีการก่อตั้งพรรคและ 100 ปีการก่อตั้งประเทศ ซึ่ง 2 เหตุการณ์นี้ถือเป็น 2 เหตุการณ์สำคัญที่สร้างนิมิตหมายการพัฒนาที่เป็นก้าวกระโดดของประเทศ เราหวังว่า เหตุการณ์สำคัญทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ เราจะสร้างการพัฒนาที่เป็นก้าวกระโดด ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราต้องหล่อเลี้ยงความมุ่งมั่นของคนทั้งชาติให้ก้าวรุดหน้าไปอย่างเข้มแข็ง”
ก่อนปี 1945 โลกรู้จักเวียดนามว่าเป็นประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสในอินโดจีนเท่านั้น แต่ภายหลัง 77 ปีที่ประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราชให้กำเนิดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม 2 กันยายนปี 1945 ทั่วโลกได้รู้ว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีเอกราชและมีความปรารถนาในสันติภาพที่เป็นแรงผลักดันให้ประชาชาตินี้ก้าวไปสู่นิมิตหมายการพัฒนาใหม่ๆ.