ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีนับวันตึงเครียดมากขึ้น

Vân
Chia sẻ
(VOVworld) - หลังจากที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐสั่งยิงจรวดโทมาฮอว์กถล่มฐานทัพอากาศซีเรียเพียงไม่กี่วัน กองทัพสหรัฐได้มีปฏิบัติการทางทหารที่มุ่งเป้าไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งถือเป็นคำเตือนต่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง แต่สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความวิตกกังวลว่า อาจเกิดการปะทะทางทหารระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

(VOVworld) - หลังจากที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐสั่งยิงจรวดโทมาฮอว์กถล่มฐานทัพอากาศซีเรียเพียงไม่กี่วัน กองทัพสหรัฐได้มีปฏิบัติการทางทหารที่มุ่งเป้าไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งถือเป็นคำเตือนต่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง แต่สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความวิตกกังวลว่า อาจเกิดการปะทะทางทหารระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีนับวันตึงเครียดมากขึ้น - ảnh 1
เรือบรรทุกเครื่องบิน Carl Vinson ของสหรัฐ (Photo: vietnamplus.vn)

สาเหตุที่ทำให้สหรัฐส่งเรือรบไปยังคาบสมุทรเกาหลีก็เนื่องจากการทดลองยิงขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเปียงยาง โดยเฉพาะในช่วงที่นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพบปะกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีจรวดบางลูกตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นและล่าสุดนี้ เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา เปียงยางได้ทดลองยิงขีปนาวุธก่อนการการพบปะระหว่างนาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งกองเรือ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินไปยังคาบสมุทรเกาหลี
การส่งเรือรบไปยังคาบสมุทรเกาหลีอย่างต่อเนื่อง
สหรัฐกำลังแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี โดยเมื่อวันที่ 8 เมษายน กองทัพเรือสหรัฐได้ส่งเรือรบพร้อมเรือบรรทุกเครื่องบินไปยังคาบสมุทรเกาหลี พันโท Dave Benham โฆษกกองบัญชาการกองทัพสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิก หรือUSPC ได้เผยว่า นี่คือมาตรการเพื่อธำรงการปรากฎตัวและการเตรียมความพร้อมของสหรัฐในเขตตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกในขณะที่การทดลองยิงขีปาวุธและความพยายามผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลียังคงเป็นภัยคุกคามในภูมิภาค ซึ่งต่อแผนการทดลองนิวเคลียร์ในวันที่ 15 เมษายนในโอกาสครบรอบ 105ปีวันคล้ายวันเกิดของนาย คิม อิล ซุง ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีผู้ล่วงลับ กองทัพอากาศสหรัฐได้ส่งเครื่องบิน WC135 คอนสแตนท์ ฟีนิกส์ ไปยังฐานทัพอากาศคาเดนะในจังหวัดโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเก็บตัวอย่างอากาศเพื่อตรวจสอบว่ามีกิจกรรมเกี่ยวกับนิวเคลียร์เกิดขึ้นหรือไม่
ควบคู่กับการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบไปยังคาบสมุทรเกาหลี ในข้อความที่โพสต์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 11 เมษายน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ยืนยันว่า วอชิงตันพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีด้วยตนเอง ส่วนนาย Sean Spicer เลขานุการฝ่ายสารนิเทศของทำเนียบขาวได้เผยว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการทางทหารเพื่อเป็นคำเตือนต่อการทดลองยิงขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเปียงยาง
ต่อท่าทีดังกล่าวของสหรัฐ เปียงยางได้ประกาศเตรียมพร้อมทำสงคราม โดยถือการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐเป็นปฏิบัติการที่ยั่วยุและเตือนว่า จะใช้อาวุธหนักเพื่อปกป้องประเทศ ส่วนเมื่อวันที่ 11 เมษายน สื่อต่างๆของทางการสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้รายงานว่า จะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐถ้าหากถูกยั่วยุ กองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีกำลังเฝ้าติดตามทุกปฏิบัติการของสหรัฐและนิวเคลียร์ของเปียงยางจะมุ่งเป้าไปยังฐานทัพของสหรัฐในสาธารณรัฐเกาหลี มหาสมุทรแปซิฟิกและบนแผ่นดินของสหรัฐเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีนับวันตึงเครียดมากขึ้น - ảnh 2
การประชุมรัฐสภาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (Photo: Yonhap)

อาจเกิดการปะทะระหว่างกันหรือไม่
ถึงแม้การโจมตีซีเรียคือการส่งสัญญาณเตือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี แต่ในทางเป็นจริง การที่สหรัฐโจมตีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเหมือนที่ทำการโจมตีซีเรียเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ส่วนบรรดานักวิเคราะห์ได้เผยว่า สถานการณ์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีไม่เหมือนอิรักเมื่อปี 2003 และซีเรียในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากผู้นำทำเนียบขาวและเพนตากอนไฟเขียวให้โจมตีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี นาย คิมจองอึน ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ก็อาจจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น ทางการสหรัฐจะต้องพิจารณาแผนการดังกล่าวอย่ารอบคอบ
นอกจากนี้ สหรัฐต้องคำนึงถึงท่าทีของประชามติโลก โดยในการเจรจาทางโทรศัพท์กับนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเมื่อวันที่ 12 เมษายน นาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนได้เผยว่า จีนจะยืนหยัดกระบวนการสันติภาพและเสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลี พร้อมทั้งยํ้าว่า ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีต้องได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธี ส่วนเมื่อวันที่ 9 เมษายน นาย เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้เผยว่า อาจรื้อฟื้นการเจรจาถ้าหากเปียงยางยุติการทดลองยิงขีปนาวุธและนิวเคลียร์เพราะเป้าหมายของสหรัฐคือการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี มิใช่การเปลี่ยนทางการปกครองของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีนับวันตึงเครียดมากขึ้นหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีปฏิบัติการต่างๆที่อาจทำให้เกิดการปะทะทางทหาร แต่อย่างไรก็ตาม ประชามติโลกยังหวังว่า สหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้.

Komentar