ชาวต่างชาติที่กำลังอาศัยในเวียดนามกล่าวขอบคุณเวียดนามในการรับมือการแพร่ระบาด (Hanoi massive community)

คำประกาศที่ว่า “ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลต่างๆไม่ควรอ้างมาตรการฉุกเฉินเพื่อจำกัดสิทธิมนุษยชน” และกล่าวถึงเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่ “ต้องยึดหลักแห่งสิทธิมนุษยชนในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” เป็นของสหภาพทั่วโลกเพื่อการเข้าร่วมของพลเมืองหรือ CIVICUS ที่มีสำนักงาน ณ แอฟริกาใต้ แต่จนถึงขณะนี้ สิ่งที่เรียกว่า “คำประกาศ” นั้นไม่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นคารมที่ไม่สอดคล้องกับความพยายามป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในทั่วโลกเพื่อปกป้องประชาชนรวมทั้งเวียดนาม

โลกมีระเบียบการต่างๆในการป้องกันโรคโควิด-19

ในช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั่วโลก หลายประเทศและดินแดนได้ประกาศใช้กฎหมายและข้อกำหนดใหม่เพื่อรับมือ “วิกฤตที่รุนแรงที่สุดที่โลกต้องเผชิญนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2” ตามที่เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรสได้กล่าวไว้ โดยหลายประเทศได้ประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน ปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคม ล็อกดาวน์เมืองใหญ่ๆ ประกาศใช้หรือแก้ไขกฎหมายเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เพียงมีการประกาศคำแนะนำและคำเตือนเท่านั้น หากหลายประเทศ เช่นรัสเซีย ฮังการี ไอร์แลนด์และออสเตรเลียยังมีบทลงโทษในระดับสูงสุดต่อผู้ที่มีพฤติกรรมและการกระทำที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยเฉพาะที่สหรัฐ ภายหลังคำเตือนที่ไม่มีความเข้มแข็งและขาดเอกภาพบวกกับการไม่ให้ความสนใจถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้สหรัฐต้องใช้มาตรการลงโทษจำคุกต่อผู้ที่ไม่ยอมกักตัวเองในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ซึ่งนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทุกประเทศและดินแดนในโลกได้มีมาตรการที่เร่งด่วนเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน

ชาวต่างชาติแสดงการสนับสนุนเวียดนามในการรับมือการแพร่ระบาด (Hanoi massive community)

ชีวิตคนคือสิ่งที่มีค่าสูงสุดของสิทธิมนุษยชน

การปกป้องชีวิตคนคือคุณค่าสูงสุดของสิทธิมนุษยชนและเวียดนามได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปฏิบัติสิ่งดังกล่าว นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า เวียดนามพร้อมเสียสละผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจเพื่อรับมือการแพร่ระบาด ปกป้องสุขภาพและชีวิตของประชาชน ในเวลาที่ผ่านมา ไม่มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 คนใดในเวียดนามทั้งเป็นชาวเวียดนามและชาวต่างชาติถูก “ทิ้งไว้ข้างหลัง” ทุกชุมชนที่มีความเสี่ยงต่างได้รับความสนใจจากทางการทุกระดับตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงส่วนท้องถิ่น ซึ่งเพื่อนมิตรชาวต่างชาติได้ชื่นชมสิ่งพิเศษในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในเวียดนามคือรัฐบาลได้สนับสนุนการรักษาฟรีให้แก่ผู้ติดเชื้อและไม่คิดค่าใช้จ่ายต่อผู้ที่ถูกแยกตัว นอกจากนั้น ผู้ที่ได้รับการแยกตัวยังได้รับการดูแลอย่างดีตั้งแต่เรื่องอาหารไปจนถึงสถานที่แยกตัวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกองทัพ ตำรวจและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

นโยบายถือมนุษย์มีบทบาทสูงสุดในการกระบวนการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในเวียดนามยังสะท้อนให้เห็นในทุกด้านของสังคม พร้อมกับการใช้พลังทุกแหล่งเพื่อป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด รัฐบาลได้ผลักดันการลงทุนภาครัฐทันทีเพื่อก่อสร้างสิ่งที่จำเป็นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงานทำ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้อยู่ในระดับต่ำ เลื่อนและขยายเวลาการชำระภาษีเพื่อช่วยเหลือสถานประกอบการ รัฐบาลยังปฏิบัตินโยบายด้านสวัสดิการสังคมเพื่อให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส สถานประกอบการที่ประสบอุปสรรคเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และไม่ปล่อยให้ใครต้องหิวโหย ซึ่งได้มีส่วนร่วมเสริมสร้างความสามารถของกองกำลังผลิตและเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเวลาที่จะถึง ตามมติของนายกรัฐมนตรี มี 6 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น คนจน ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและผู้ที่ขาดรายได้ รวมทั้งสถานประกอบการก็สามารถกู้เงินด้วยดอกเบี้ย 0%

แพทย์ดูแลผู้ที่อยู่ในเขตแยกตัว

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พรรคและรัฐเวียดนามต้องทำอย่างสุดความสามารถเพื่อประชาชน โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการปกป้องสุขภาพและชีวิตของประชาชน ซึ่งได้รับการรับรองจากประชาคมโลกและการสนับสนุนจากประชาชน ดังนั้น คารมที่ว่า เวียดนามต้องให้ความสนใจถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย

ที่น่าสนใจคือ ไม่เพียงแต่ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เท่านั้นที่พรรคและรัฐเวียดนามได้ถือประชาชนเป็นศูนย์กลางในนโยบายและแนวทางชี้นำ ในทุกช่วงประวัติศาสตร์ สิทธิมนุษยชนในเวียดนามต่างได้รับการให้ความสำคัญอยู่เสมอ เพราะการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนคือคุณค่าหลักของระบอบภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม./.