ก้าวพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี

Hong Van- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -วันที่๒๒มีนาคม นาย มุนแจอิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีพร้อมภริยาได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่๒๒-๒๔มีนาคม นี่เป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกและเป็นประเทศที่๒ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังการเยือนอินโดนีเซีย นับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อเดือนพฤษภาคมปี๒๐๑๗ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศนับวันได้รับการพัฒนา ซึ่งผลการเยือนครั้งนี้จะมีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์และร่วมมือระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง

ก้าวพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี - ảnh 1 ก้าวพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี

เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่๒๒ธันวาคมปี๑๙๙๒และทั้งสองประเทศเพิ่งฉลองครบรอบ๒๕ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี๒๐๑๗ที่ผ่านมา เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์นับตั้งแต่ปี๒๐๐๙และลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอเมื่อปี๒๐๑๔

ก้าวพัฒนาของความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์

  นับตั้งแต่ได้รับการสถาปนามาจนถึงปัจจุบัน  ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สาธารณรัฐเกาหลีได้กลายเป็นนักลงทุนต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จนถึงปัจจุบันยอดเงินลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลีในเวียดนามอยู่ที่กว่า๕หมื่น๒พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐเกาหลียังเป็นประเทศรายใหญ่อันดับ๒ในด้านการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการให้แก่เวียดนาม โดยเน้นด้านระเบียบราชการ การศึกษา โครงสร้างพื้นฐานและการบริหารแหล่งน้ำ เป็นต้น

หลังจากลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี๒๐๑๗อยู่ที่กว่า๖หมื่น๑พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น๑หมื่น๖พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี๒๐๑๖และในปี๒๐๑๗เช่นกัน สาธารณรัฐเกาหลีได้กลายเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าเวียดนามมากเป็นอันดับหนึ่ง นาย Lee Hyuk  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนามได้ประเมินผลความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศว่า “สถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีจำนวนมากที่เคยลงทุนในจีนได้ย้ายมาลงทุนในเวียดนาม เวียดนามมีแหล่งบุคคลากรที่อยู่ในวัยทำงานจำนวนมาก มีฝีมือสูงและขยันหมั่นเพียร ส่วนสาธารณรัฐเกาหลีมีเงินลงทุนและเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งจุดแข็งของแต่ละประเทศได้ช่วยผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญและผูกพันกัน”

นอกจากความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยังได้รับการผลักดันผ่านวัฒนธรรมและสังคมที่คล้ายคลึงกัน ในหลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวสาธารณรัฐเกาหลีเป็นหนึ่งในตลาดนักท่องเที่ยวหลักของเวียดนาม รองจากจีน ในปี๒๐๑๗ จำนวนนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐเกาหลีที่มาเยือนเวียดนามอยู่ที่๒.๕ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ๑๒๘เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับด้านแรงงาน สาธารณรัฐเกาหลีเป็นตลาดนำเข้าแรงงานรายใหญ่อันดับ๒ของเวียดนาม ซึ่งสาธารณรัฐเกาหลีได้ให้ความช่วยเหลือกระบวนการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรของเวียดนาม นาย เหงวียนจ๋องด่าม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมเวียดนามได้ประเมินว่า “พวกเราดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนับวันยิ่งได้รับการพัฒนา มีศักยภาพและได้รับการยกระดับในทุกด้าน โรงเรียน๕แห่งของเวียดนามที่สาธารณรัฐเกาหลีได้ให้ความช่วยเหลือในการฝึกสอนอาชีพกำลังดำเนินงานเป็นอย่างดีและหวังว่า สาธารณรัฐเกาหลีจะให้ความช่วยเหลือเงินโอดีเอต่อไปเพื่อยกระดับคุณภาพของโรงเรียนฝึกสอนอาชีพอีกบางแห่ง ในเวลาที่จะถึง ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาการขยายความร่วมมือในด้านความช่วยเหลือทางสังคม รับมือกับปัญหาประชากรสูงอายุและการช่วยเหลือคนพิการ”

การเยือนครั้งนี้ยืนยันถึงนโยบายมุ่งสู่ทิศใต้ใหม่ของสาธารณรัฐเกาหลี

  หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมปี๒๐๑๗ ประธานาธิบดี มุนแจอินมีแนวทางผลักดันการปฏิบัตินโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศใหญ่ๆ ผลักดันการปฏิบัตินโยบายมุ่งสู่ทิศใต้ใหม่ โดยเน้นอาเซียนและอินเดีย พัฒนาความสัมพันธ์กับอาเซียนให้ทัดเทียมกับความสัมพันธ์กับ๔ประเทศใหญ่ได้แก่สหรัฐ จีน ญี่ปุ่นและรัสเซีย  เวียดนามเป็นประเทศลำดับที่๒ในอาเซียนที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีมาเยือนนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ในกรอบการเยือนนี้  ผู้นำทั้งสองประเทศจะหารือเกี่ยวกับมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทูต  ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วม ลงนามเอกสารความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีจะเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีและฟอรั่มสถานประกอบการ            สำหรับศักยภาพความร่วมมือระหว่างสองประเทศ นาย Lee Hyuk  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนามได้เผยว่า “ผมมีความเชื่อมั่นต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอีก๒๕ปีข้างหน้าเพราะว่า สถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีหลายแห่งได้ประเมินว่า เวียดนามเป็นจุดลงทุนที่น่าสนใจและกระแสการลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลีในเวียดนามยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะดีงามแต่ผมคิดว่า ยังไม่ใช่ในระยะที่ดีที่สุด ผมเชื่อมั่นว่า พวกเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ดีงามที่สุด”

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการจัดตั้งและพัฒนาในตลอด๒๕ปีที่ผ่านมาและหวังว่า หลังการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะมีพัฒนาการก้าวใหม่ให้สมกับศักยภาพความร่วมมือระหว่างสองประเทศ.         

Komentar