อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริสและประธานาธิบดี โจไบเดน (Photo: Getty) |
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 อีกทั้งเสนอชื่อนาง กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี เป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแทนตน
สถานการณ์ใหม่ของพรรคเดโมแครต
ท่าทีของบรรดานักการเมืองสหรัฐ นักวิชาการในสหรัฐและโลกและชาวอเมริกันแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่สนับสนุนการตัดสินใจดังกล่าวของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งประเมินว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากแต่กล้าหาญของประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยถือผลประโยชน์ของประเทศสหรัฐและพรรคเดโมแครตเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว แต่การตัดสินใจดังกล่าวได้ทำให้พรรคเดโมแครตและเวทีการเมืองสหรัฐตกเข้าสู่ภาวะที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 56 ปีนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่อดีตประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน ถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 1968 มิหนำซ้ำยังจะสร้างสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่าเพราะนาย โจ ไบเดน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตและกำลังรอการเสนอชื่อเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแดรตในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
นาง Barbara Perry ศาสตราจารย์ที่วิจัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของมหาวิทยาลัย เวอร์จิเนียเห็นว่า การตัดสินใจดังกล่าวของนาย โจ ไบเดน มาจากเหตุผลส่วนตัวและมาจากกลยุทธ์ของพรรคเดโมแครตในการโยนความเสียเปรียบเรื่องอายุให้แก่คู่แข่งคือนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ของพรรครีพับลิกัน
"กรณีนี้มาจากการที่สหรัฐมีประธานาธิบดีที่มีอายุมาก ที่สุด ดิฉันคิดว่า นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นาย ไบเดน ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี การตัดสินใจดังกล่าวก็มีส่วนเกี่ยวข้องถึงนาย โดนัลด์ ทรัม เพราะปัจจุบัน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ลงสมัครที่มีอายุมากที่สุดในการศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ"
การประเมินดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับความวิตกกังวลของสมาชิกบางคนของพรรคริพับลิกัน นาง Rina Shah อดีตนักยุทธศาสตร์ของพรรครีพับลิกันเผยว่า หลังจากที่นาย โจ ไบเดน ประกาศถอนตัว พรรคเดโมแครตได้มีความได้เปรียบเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวสี ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของประชาคมลาตินอเมริกาและเอเชียเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนนาง กมลา แฮร์ริส ดังนั้น นาย โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ส่วนนาย Joe Walsh อดีต สส.พรรครีพับลิกันของรัฐอิลลินอยส์ เห็นว่า การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เพื่อทำลายนาย โจ ไบเดน ดังนั้น จะต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่เมื่อต้องเผชิญกับคู่แข่งคนอื่นของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นนาง กมลา แฮร์ริส
โอกาสของนาง กมลา แฮร์ริส
กระแสสนับสนุนนาง กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐกำลังเพิ่มขึ้น โดยภายหลัง 24 ชั่วโมงที่ได้รับการเสนอชื่อจากนาย โจ ไบเดน นาง กมลา แฮร์ริส ได้ตั้งกองทุนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมูลค่า 81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกือบเท่าจำนวนเงินสนับสนุน 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่นาย โจ ไบเดน ได้รับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ก็ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองที่มีอิทธิพลที่สุดของพรรคเดโมแครต รวมทั้งนาง Nancy Pelosi อดีตประธานสภาล่างสหรัฐและผู้ว่าการรัฐ 4 แห่งในภาคตะวันตกกลางที่มีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งก่อน เช่น อิลลินอยส์ มิชิแกน มินนิโซตา และวิสคอนซิน แม้แต่นักการเมืองที่ถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพในพรรคเดโมแครต เช่น นาย Gavin Newsom ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย นาย Andy Beshear ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี้ นาง Elizabeth Warren สว.รัฐมสซาชูเซตส์ และนาย Dick Durbin สว. รัฐ อิลลินอยส์ก็ได้ออกมาแสดงการสนับสนุนนาง กมลา แฮร์ริส
ศาสตราจารย์ Mark Shanahan ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองสหรัฐจากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ของอังกฤเห็นว่า หน้าที่ที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ของนาง กมลา แฮร์ริส คือการสร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในพรรคเดโมแครตตั้งแต่บัดนี้จนถึงการประชุมใหญ่พรรคที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคม ณ เมืองชิคาโก พร้อมทั้งประเมินว่า นาง กมลา แฮร์ริส มีความได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ เพื่อกลายเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตแต่ก็เห็นว่า นาง กมลา แฮร์ริส และพรรคเดโมแครตมีเวลาเตรียมตัวสู้ศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรับน้อยว่านาย โดนัลด์ ทรัมป์
ผลการสำรวจประชามติเมื่อเร็วๆนี้ในสหรัฐแสดงให้เห็นว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนของผู้มีสิทธิ์เลือกต่อผู้ลงสมัครของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตหลังจากที่นาย โจ ไบเดน ประกาศถอนตัว เพราะคะแนนนิยมในตัวนาง กมลา แฮร์ริส แม้จะเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังต่ำกว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์เฉลี่ย 2-3 คะแนน.