การเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ

Vu Duy - VOV
Chia sẻ
(VOVworld) – ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เสร็จสิ้นการเยือนประเทศสหรัฐอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของทางการประธานาธิบดีสหรัฐบารัค โอบาม่า ภายใต้แนวทาง “ ปิดฉากอดีต ก้าวข้ามความแตกต่าง พัฒนาความคล้ายคลึงกันและมุ่งสู่อนาคต... เพื่อผลักดันความเข้าใจและความไว้วางใจกัน การเยือนสหรัฐของท่านเหงียนฟู้จ่องถือเป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ที่ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ
(VOVworld) – ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เสร็จสิ้นการเยือนประเทศสหรัฐอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของทางการประธานาธิบดีสหรัฐบารัค โอบาม่า ภายใต้แนวทาง “ ปิดฉากอดีต ก้าวข้ามความแตกต่าง พัฒนาความคล้ายคลึงกันและมุ่งสู่อนาคต... เพื่อผลักดันความเข้าใจและความไว้วางใจกัน การเยือนสหรัฐของท่านเหงียนฟู้จ่องถือเป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ที่ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ
การเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ - ảnh 1
ปิดฉากอดีต ก้าวข้ามความแตกต่าง พัฒนาความคล้ายคลึงกัน
และมุ่งสู่อนาคต... 

นับตั้งแต่ที่มีข่าวว่า ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจะเดินทางไปเยือนสหรัฐ สื่อทั้งภายในและต่างประเทศได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากเพราะว่านี่เป็นการเยือนครั้งแรกในประวัติศาสตร์และตรงกับช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศฉลองครบรอบ 20 ปีการปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็นปกติ ภาพการจับมือระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า กับเลขาธิการใหญ่เหงียนฟู้จ่องในห้องทำงานรูปไข่ได้ถูกตีพิมพ์บนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ระดับโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นี่คือเหตุการณ์สำคัญที่สื่อมวลชนทั่วโลกให้ความสนใจ
การเจรจาให้แก่อนาคต
ตามกำหนดการ การเจรจาระหว่างเลขาธิการใหญ่เหงียนฟู้จ่องกับประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าจะดำเนินไปประมาณ 45-60 นาทีแต่ผู้นำทั้งสองท่านได้ใช้เวลาเจรจากัน 95 นาที ณ ทำเนียบขาว อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายสหรัฐเข้าร่วมเป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ส่วนผู้นำทั้งสองท่านได้หารือกันอย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยและจริงจังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและปัญหาที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการเจรจา ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าได้กล่าวว่า “นี่คือโอกาสดีที่เวียดนามและสหรัฐจะได้สนทนากันมากขึ้นเกี่ยวกับวิสัยทิศน์ของความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้าน” ส่วนเลขาธิการใหญ่เหงียนฟู้จ่องได้ยืนยันว่า “เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้แต่อนาคตอยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรา เมื่อทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะใน 20 ปีมานี้ ผมและท่านบารัค โอบาม่าได้หารืออย่างกว้างลึกและค่อนข้างสมบูรณ์เกี่ยวกับแนวทางที่ทั้งสองประเทศจะปฏิบัติเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกด้านให้ดีงาม มีคุณภาพและลึกซึ้งมากขึ้น”
การบรรลุแถลงการณ์เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ร่วมเวียดนาม – สหรัฐถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้นำทั้งสองประเทศในการวางแนวทางให้แก่ความสัมพันธ์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศในระยะ 20 ปีที่จะถึง ในโอกาสนี้ได้มีการลงนามอนุมัติเอกสาร 15 ฉบับ รวมทั้งข้อตกลงเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนและมีความเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการผลักดันกระบวนการเจรจาเพื่อเสร็จสิ้นและลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีโดยเร็ว รวมไปถึงการแก้ปัญหากำแพงกีดกันทางการค้าอีกด้วย นายหวูฮวีหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์กล่าวว่า “ในแถลงการณ์เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ร่วมเวียดนาม – สหรัฐ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันว่า จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเสร็จสิ้นข้อตกลงทีพีพีโดยเร็วและปฏิบัติการปฏิรูปเพื่อตอบสนองความต้องการในระดับสูงและสมบูรณ์ของข้อตกลงทีพีพี แน่นอนว่า หลังการเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศจะประสบก้าวพัฒนาใหม่”
การเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ - ảnh 2
กล่าวปราศรัย ณ ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์และนานาชาติของสหรัฐ

ผลักดันความไว้วางใจทางการเมืองและฟันฝ่าปัญหาที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกัน
แม้ 20 ปีจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานนักในประวัติศาสตร์ทางการทูตระหว่างสองประเทศแต่ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เวียดนามและสหรัฐได้ฟันฝ่าปัญหาที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันและบาดแผลในอดีตเพื่อค่อยๆสร้างสรรค์ความไว้วางใจทางการเมืองให้เป็นพื้นฐานผลักดันความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ รวมทั้งด้านความมั่นคงและกลาโหม พลโทเหงียนชี้หวิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนามได้กล่าวถึงการเยือนสหรัฐครั้งนี้ของท่านเหงียนฟู้จ่องว่า “ในแถลงการณ์ร่วมและในการหารือของผู้นำทั้งสองประเทศต่างย้ำถึงความสัมพันธ์ด้านกลาโหม โดยเฉพาะยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ บันทึกช่วยจำกลาโหมปี 2011 และวิสัยทัศน์ร่วมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศได้ลงนามกัน ณ กรุงฮานอยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมมีส่วนร่วมอย่างจริงจังต่อการขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในการสร้างสรรค์ความไว้วางใจต่อกัน”
สำหรับปัญหาที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ในการเยือนครั้งนี้ บนเจตนารมณ์ของการหารืออย่างตรงไปตรงมา เลขาธิการใหญ่เหงียนฟู้จ่องได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักวิชาการของศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์และนานาชาติของสหรัฐ และผู้นำศาสนาต่างๆของสหรัฐเกี่ยวกับปัญหาประชาธิปไตย อธิปไตยและศาสนาในเวียดนาม พระมหาเถระทิ๊กจี๊เถียน ที่เดินทางร่วมกับคณะของท่านเหงียนฟู้จ่องในฐานะสมาชิกคณะกรรมการด้านศาสนาได้ประเมินการจัดการสนทนาแบบนี้ว่า “ท่านเลขาธิการใหญ่เวียดนามได้ตอบคำถามต่างๆอย่างตรงไปตรงมาเพื่อส่งสาส์นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ที่มีเสรีภาพทางศาสนาในเวียดนาม ศาสนาในเวียดนามไม่มีความขัดแย้งกัน ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากสัดส่วนของคณะกรรมการด้านศาสนาที่เดินทางไปพร้อมกับท่านเลขาธิการใหญ่ในครั้งนี้ ส่วนบาทหลวงของสหรัฐต่างมีความยินดีที่ได้ทราบสถานการณ์ที่เป็นจริงของเวียดนามและในการพูดคุยนอกกรอบการประชุม พวกเราก็กล่าวย้ำถึงเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยเฉพาะการพัฒนาองค์กรศาสนาและการประกอบศาสนากิจ”

การเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ - ảnh 3
หารือกับผู้นำศาสนาต่างๆของสหรัฐ

ความคืบหน้าใหม่เกี่ยวกับสัมพันธไมตรีที่ดีงามและยั่งยืน
ในกรอบการเยือนสหรัฐ ท่านเหงียนฟู้จ่องได้มีการพบปะกับชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ ภาพท่านเลขาธิการใหญ่ปรบมือร้องเพลง “มือประสานมือ ใจประสานใจ” กับชมรมชาวเวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี ความปรองดองชาติและความเป็นเอกภาพของประชาชาติเวียดนาม ที่นครนิวยอร์ค ท่านเหงียนฟู้จ่องได้มีการพบปะกับนายบันคีมูน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ณ สำนักงานของสหประชาชาติ โดยผู้นำองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้ย้ำอีกครั้งถึงทัศนะเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก นั่นคือการสนับสนุนการแก้ปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีที่สอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982
เมื่อ 70 ปีก่อน ในจดหมายที่ส่งถึงนาย ทรูแมน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 33 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 1946 ประธานโฮจิมินห์ได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายของเวียดนามคือ “เอกราชอย่างสมบูรณ์และความร่วมมือในทุกด้านกับสหรัฐ” ปัจจุบันนี้ เวียดนามและสหรัฐกำลังปฏิบัติเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งการเยือนสหรัฐของท่านเหงียนฟู้จ่องถือเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ก้าวรุดหน้าและขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ในอนาคต.

Komentar