กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาของเวียดนามสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

Hong Van/VOV5
Chia sẻ

(VOVworld) – เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่ 2 สมัยที่ 14 ได้อนุมัติกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา ผู้ที่นับถือศาสนาและผู้ที่มีสมณศักดิ์ได้แสดงความเห็นว่า การร่างและประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ได้มีส่วนร่วมค้ำประกันสิทธิเสรีภาพความเลื่อมใสและศาสนาให้แก่ทุกคนผ่านข้อกำหนดต่างๆที่ถูกระบุในกฎหมาย แต่เมื่อเร็วๆนี้ สำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งได้ลงข่าวที่ปฏิเสธเนื้อหาในเชิงบวกของกฎหมายนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่เข้าใจหรือจงใจไม่เข้าใจเพื่อบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาในเวียดนาม

(VOVworld) – เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่ 2 สมัยที่ 14 ได้อนุมัติกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา ผู้ที่นับถือศาสนาและผู้ที่มีสมณศักดิ์ได้แสดงความเห็นว่า การร่างและประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ได้มีส่วนร่วมค้ำประกันสิทธิเสรีภาพความเลื่อมใสและศาสนาให้แก่ทุกคนผ่านข้อกำหนดต่างๆที่ถูกระบุในกฎหมาย แต่เมื่อเร็วๆนี้ สำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งได้ลงข่าวที่ปฏิเสธเนื้อหาในเชิงบวกของกฎหมายนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่เข้าใจหรือจงใจไม่เข้าใจเพื่อบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาในเวียดนาม

กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาของเวียดนามสอดคล้องกับมาตรฐานสากล - ảnh 1
พิธีปล่อยนกในงานของศาสนาพุทธ

เสรีภาพด้านศาสนาคือหนึ่งในปัญหาที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การพัฒนาสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ นี่ก็คือสิทธิ์อันดับแรกๆที่ถูกระบุในกฎหมายสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและต่างประเทศ
สิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใสดำเนินไปตามกฎหมายสากล
สำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งได้ลงข่าวที่ไม่ชัดเจนว่า ที่ประเทศพัฒนาไม่เคยประกาศใช้กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา และร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาที่รัฐสภาเวียดนามอนุมัติไม่ใช่เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชน แต่ตามข้อเท็จจริงนั้น เสรีภาพด้านศาสนาได้ถูกระบุในเอกสารระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนฉบับแรกคือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนปี 1948 หรือ UDHR ที่เน้นห้ามมีการเลือกปฏิบัติทางศาสนา ต่อจากนั้น เนื้อหาใน UDHR ได้ถูกยืนยันและระบุในมาตราที่ 18 และ 20 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิด้านพลเรือนและการเมืองที่สหประชาชาติอนุมัติเมื่อปี 1966 ซึ่งเวียดนามเข้าร่วมอนุสัญญาฉบับนี้เมื่อปี 1982 โดยมาตราที่ 18 ของอนุสัญญาฉบับนี้ระบุว่า “ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพด้านแนวคิด ความเลื่อมใสและศาสนา ซึ่งสิทธิเสรีภาพนี้ประกอบด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับศาสนาทั้งในฐานะส่วนตัวหรือในหมู่คณะผ่านการประกอบพิธีกรรม สวดมนต์ ประกอบศาสนกิจหรือเผยแผ่ศาสนาได้อย่างเปิดเผยหรือจำกัดขอบเขตส่วนตัว” ต่อจากนั้น เมื่อวันที่ 5 มีนาคมปี 1993 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้อนุมัติมติ 25 โดยมีมาตราที่ 3 ที่ระบุว่า จำเป็นต้องเรียกร้องให้ประเทศต่างๆค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านแนวคิดความสำนึก ศาสนาและความเชื่ออย่างเหมาะสมผ่านข้อกำหนดที่ถูกระบุในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้งมาตรการสำรองที่มีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการขัดขวางและการเลือกปฏิบัติเนื่องจากเหตุผลด้านศาสนา”
ในระดับประเทศ  ฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศในยุโรปที่มีระบบกฎหมายที่สมบูรณ์และละเอียดที่สุดเกี่ยวกับความเลื่อมใสและศาสนาก็ได้ระบุในมาตราที่ 1 ของประมวลกฎหมายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมปี 1905 ว่า “ระบอบสาธารณะรัฐค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านจิตสำนึก การประกอบพิธีกรรมอย่างมีขอบเขต เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของส่วนรวม” และมาตราที่ 25 ได้ระบุว่า “การชุมนุมเพื่อจัดพิธีกรรมที่ศาสนสถานต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของทางการท้องถิ่นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของส่วนรวม” ส่วนรัฐธรรมนูญของเยอรมนีได้มีข้อกำหนดว่า “การประกอบศาสนกิจขององค์การศาสนาสามารถถูกจำกัดหรือถูกห้าม ถ้าหากเป้าหมายและกิจกรรมขององค์การนั้นละเมิดข้อกำหนดของกฎหมายอาญาหรือเป็นภัยต่อสังคมตามที่ถูกระบุในรัฐธรรมนูญ”
เป็นอันว่า ประเทศต่างๆได้ตระหนักว่า ไม่มีเสรีภาพด้านศาสนาอย่างสมบูรณ์ และการที่ประเทศต่างๆไม่เคยมีกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาตามที่กลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริเผยแผร่บนอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศในเวลาที่ผ่านมาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาของเวียดนามสอดคล้องกับมาตรฐานสากล - ảnh 2
ผู้ที่มีสมณศักดิ์กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐสภา

กฎหมายด้านศาสนาของเวียดนามสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเกี่ยวกับศาสนา
สิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใสถูกระบุในรัฐธรรมนูญฉบับแรกปี 1946 และก็ได้รับการยืนยันอีกครั้งในรัฐธรรมนูญปี 1959 1980 1992 และ 2013 ด้วยข้อกำหนดที่ละเอียดมากขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับแรกปี 1946 ระบุว่า “พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพด้านศาสนา” และรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดปี 2013 ได้ระบุว่า “ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนา สามารถนับถือหรือไม่นับถือศาสนา ทุกศาสนามีความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย รัฐให้ความเคารพและปกป้องสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใส ไม่มีใครมีสิทธิ์ละเมิดสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใส หรือใช้ศาสนาและความเลื่อมใสเพื่อละเมิดกฎหมาย”
ไม่เพียงแต่ระบุในรัฐธรรมนูญและมีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น แต่เวียดนามยังได้ประกาศใช้เอกสารด้านกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องโดยตรงถึงการค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใสของประชาชน โดยเฉพาะร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาที่รัฐสภาอนุมัติเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนปี 2016 ได้ปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์เพื่อค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใส แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประเทศต่อการปฏิบัติกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิพลเรือนและการเมืองที่เวียดนามเป็นสมาชิก ผู้ที่มีสมณศักดิ์ที่กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐสภาได้ยืนยันว่า การที่รัฐสภาเวียดนามอนุมัติร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาคือหัวเลี้ยวหัวต่อในนโยบายสำหรับความเลื่อมใสและศาสนาในเวียดนาม มีส่วนร่วมให้กำลังใจผู้ที่นับถือศาสนา ในการส่งเสริมพัฒนาศาสนาที่ดีงามและความคล้ายคลึงกันของศาสนา ลัทธิสังคมนิยม ส่งเสริมจิตใจแห่งความรักชาติของผู้ที่นับถือศาสนา และต่อต้านแผนกุศโลบายที่เป็นอริและใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือเพื่อต่อต้านระบอบสังคมนิยม
อาจยืนยันได้ว่า ปัจจุบัน กฎหมายเกี่ยวกับความเลื่อมใสและศาสนาของเวียดนามสอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างสมบูรณ์ เวียดนามระบุความเลื่อมใสและศาสนาในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลนับตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับแรก และนับวันยิ่งมีความสมบูรณ์เพื่อสอดคล้องกับการพัฒนาของประเทศในแต่ละระยะประวัติศาสตร์ ดังนั้นความคิดเห็นที่ว่า กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาที่ได้รับการอนุมัติเมื่อเร็วๆนี้ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนนั้นคือคารมที่ผิดพลาดและจะไม่ตรงกับสถานการณ์ที่เป็นจริง.

Komentar