เขตตัวเมืองถูเทียมในนครโฮจิมินห์ (Photo tuoitre)

สำนักงานการตรวจตราของรัฐบาลเพิ่งได้ประกาศผลการตรวจสอบการก่อสร้างเขตตัวเมืองถูเทียมในนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรณีคอร์รัปชั่นใหญ่ที่ยืดเยื้อมานานและได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากประชาชนโดยข้อสรุประบุว่า คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ สำนักงานและหน่วยงานบางแห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำผิดกฎหมายในหลายด้าน

เปิดดำเนินคดีกรณีคอร์รัปชั่นใหญ่ๆ

โครงการก่อสร้างเขตตัวเมืองถูเทียมเป็นหนึ่งในคดีคอร์รัปชั่นใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีในหลายปีมานี้ นับตั้งแต่ที่คณะกรรมการชี้นำการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นส่วนกลางได้รับการจัดตั้งเมื่อ 6 ปีก่อน ได้มีการดำเนินคดีคอร์รัปชั่นใหญ่ๆ ช่วยยึดคืนทรัพย์สินของประเทศและลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทำผิดหลายคนอย่างเข้มงวดเด็ดขาด กิจกรรมต่อต้านการคอร์รัปชั่นได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนร่วมธำรงเสถียรภาพด้านการเมือง พัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมและเสริมสร้างความไว้วางใจของเจ้าหน้าที่ สมาชิกพรรคและประชาชน

โดยเฉพาะ คณะกรรมการตรวจสอบส่วนกลางได้ทำการตรวจสอบเพื่อเปิดโปงคดีคอร์รัปชั่นที่รุนแรงและเสนอให้กรมการเมืองพรรค คณะเลขาธิการกลางพรรคและคณะกรรมการกลางพรรคลงโทษทางวินัยตามข้อกำหนดของพรรคต่อทั้งสมาชิกพรรคที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ผู้ที่ย้ายไปทำงานในท้องถิ่นอื่นและผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว การเปิดดำเนินคดีก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ตามแนวทางที่เปิดเผย มีประชาธิปไตย โปร่งใสและตามข้อกำหนดของกฎหมาย โดยไม่มีการยกเว้นหรือให้อภิสิทธิ์แก่ผู้กระทำผิด มีการลงโทษอย่างเข้มงวดเด็ดขาดและสมเหตุสมผล ซึ่งได้รับการสนับสนุนและชื่นชมจากประชาชน

สร้างกรอบทางนิตินัยช่วยยับยั้งการคอร์รัปชั่นอย่างมีประสิทธิภาพ

ควบคู่กับการปฏิบัติกลไกและนโยบายของรัฐ การตรวจสอบและระเบียบวินัยของพรรค กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่นปี 2018 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมปี 2019 คือ “อาวุธ”ชุดสำคัญในกระบวนการปราบปรามการคอร์รับชั่น โดยมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่เมื่อเทียบกับกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่นฉบับปี 2015 เช่น บุคคลที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินจากเดิมที่ระบุแต่ข้าราชการพลเรือน แต่ในกฎหมายปี 2018 ครอบคลุมถึงข้าราชการตำรวจ ทหารและผู้ที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าแผนกขึ้นไป รวมทั้งผู้ลงสมัครเป็นผู้แทนสภาแห่งชาติและผู้แทนสภาประชาชน เป็นต้น ซึ่งบัญชีทรัพย์สินที่ต้องแสดงนั้นรวมถึงทรัพย์สินหรือสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและที่อยู่อาศัยด้วย อีกทั้งต้องมีการประกาศบัญชีทรัพย์สินในสำนักงานที่ผู้แจ้งทำงานด้วย

นอกจากนี้ กฎหมายต่อต้านการคอร์รัปชั่นปี 2018 ยังกำหนดว่า หัวหน้าและรองหัวหน้าสำนักงานต้องรับผิดชอบถ้าหากปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานของตน

ปัญหาการคอร์รัปชั่นไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนามเท่านั้น หากยังเกิดขึ้นในหลายๆประเทศและการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้เป็นความตั้งใจของทั้งพรรค กองทัพ สังคมและประชาชนเวียดนาม ดังนั้น กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่นปี 2018 ที่มีข้อกำหนดใหม่ที่เป็นรูปธรรมหลายข้อจะสร้างก้าวกระโดดให้แก่ภารกิจการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในเวียดนาม.