(VOVworld) – จนถึงปีค.ศ. 1974 สะพานลองเบียนหรือมีชื่อเดิมว่าสะพาน Paul Doumer ถือเป็นสะพานแห่งแรกและแห่งเดียวที่ข้ามแม่น้ำแดงเพื่อเชื่อมกรุงฮานอยกับจังหวัดต่างๆ ทางเขตตะวันตกเฉียงเหนือ และในเวลาต่อมา เพื่อรักษาคุณค่าทางสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของสะพานแห่งนี้ อีกทั้งผลักดัการค้าขายระหว่างจังหวัดต่างๆ ทางการกรุงฮานอยได้ก่อสร้างสะพานเพิ่มอีก 6 แห่ง โดยเฉพาะสะพาน เหญิดเติน ซึ่งเป็นสะพานไฮเวย์ที่ทันสมัยที่ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายกับเขตใจกลางกรุงฮานอย ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์ประเทศยังคงดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สะพานทั้งเก่าและใหม่ 2 แห่งนี้ยังคงเป็นสักขีพยานของภารกิจการพัฒนาเมืองหลวงให้ทันสมัยในตลอดกว่า 100 ปีที่ผ่านมา วันที่ 12 กันยายนค.ศ. 1898 ได้มีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสะพานเหล็กแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับการออกแบบและก่อสร้างโดยบริษัท Daydé & Pillé ของฝรั่งเศส ปีค.ศ. 2009 สะพาน เหญิดเติน สะพานขึงแห่งแรกที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เริ่มก่อสร้างโดยวิศวกรและแรงงานของญี่ปุ่นและเวียดนาม ด้วยเงินทุนโอดีเอของญี่ปุ่นและกองทุนสมทบของรัฐบาลเวียดนาม ปีพ.ศ. 1902 การก่อสร้างสะพาน ลองเบียน ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการและได้ตั้งชื่อว่า สะพาน Paul Doumer วันที่ 4 มกราคมปีค.ศ. 2015 สะพาน เหญิดเติน ได้เปิดใช้งาน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการด้านคมนาคมหลักของกรุงฮานอย วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างสะพาน ลองเบียน ประกอบด้วยหิน 3 พันลูกบาศก์เมตรและโลหะหลายชนิดราว 6 พันตัน รวมมุลค่า 6 ล้าน 2 แสนฟรังก์ ในสมัยนั้น หรือประมาณ 1 ล้าน 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานเหญิดเติน ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดมาใช้ในการก่อสร้างเป็นครั้งแรกในเวียดนาม ด้วยยอดเงินลงทุนกว่า 7 ร้อย 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เส้นทางรถไฟ ฮานอย – ยาเลิม ได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมปีค.ศ. 1902 หลังการประกาศมติ 953 ของผู้สำเร็จราชการอินโดจีน ซึ่งทำให้การให้บริการขนส่งและเดินทางด้วยเรือข้ามฟากของฮานอยถูกยกเลิกตามไปด้วย สะพาน เหญิดเติน มีความยาว 8.3 กิโลเมตรและกว้าง 33.2 เมตร โดยส่วนหลักของสะพานที่ข้ามแม่น้ำแดงยาว 1.5 กิโลเมตร พาหนะสามารถทำความเร็วได้ถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายเข้าใจกลางเมืองฮานอยด้วยเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ปี 1954 เมื่อฝรั่งเศสได้ถอนกำลังออกจากเวียดนาม สะพาน Paul Doumer ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสะพาน ลองเบียน ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันทั่วไปในปัจจุบัน สะพาน ลองเบียนมี 3 ช่องการจราจร โดยช่องกลางเป็นทางรถไฟ และไม่อนุญาตให้รถยนต์ข้ามสะพานนี้ สะพาน เหญิดเติน อนุญาตให้รถจักรยานยนต์วิ่งได้ในเลนขวาสุด ขณะที่รถยนต์สามารถวิ่งได้ใน 6 เลนที่เหลือ ส่วนรถบรรทุกไม่สามารถใช้สะพานนี้ได้ สะพาน ลองเบียน มีความยาว 1862 เมตร ประกอบด้วยช่วงคาน 19 ช่วงที่วางบนเสา 20 ต้นสูง 43.5 เมตร สะพาน เหญิดเติน เป็นสะพานขึงแบบฮาร์ปใช้สายเคเบิล 55 คู่ยึดตัวสะพาน รวมทั้งระบบการวัดทิศทบลมเพื่อปรับสายเคเบิลในกรณีที่จำเป็น เนื่องจากถูกทำลายจากการทิ้งระเบิด ปัจจุบัน สะพาน ลองเบียน เหลือแค่บางส่วนทางตอนเหนือและตอนใต้ที่ยังคงรูปแบบเดิม หลังจากถูกใช้งานมานานกว่า 100 ปี รางรถไฟบนสะพาน ลองเบียน ก็เสื่อมสภาพลงและต้องได้รับการตรวจซ่อมเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย สะพาน เหญิดเติน ได้มีการใช้เทคโนโลยีและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัย เช่น อุปกรณ์วัดความตึงของสายเคเบิล เป็นต้น ระบบไฟส่องสว่างบนสะพาน ลองเบียน มีสีเหลืองเพียงสีเดียว ระบบไฟส่องสว่างบนสะพาน เหญิดเติน มีหลากหลายสีสัน ชาวฮานอยยังคงคุ้นเคยกับ “มังกรเหล็ก” ข้ามแม่น้ำแดงในตลอดกว่า 100 ปีที่ผ่านมา ส่วนสะพาน เหญิดเติน ได้สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเพราะภาพเสา 5 ต้นของสะพาน เหญิดเติน นั้นเปรียบเสมือน 5 ประตูใน 5 ทิศสู่ใจกลางเมืองกรุง Từ khóa: กรุงฮานอย สะพาน เชื่อมยุคสมัย vov vovworld Komentar Submit Ken 21.41, 27/01/2018 พ.ศ. 1974 หรือ ค.ศ. ครับ Xem thêm