ช่องเขาโอกวีโห่อยู่บนทางหลวงหมายเลข4ดีผ่านเทือกเขาหว่างเลียนเซิน หรือยังมีชื่ออื่นว่า ช่องเขาหว่างเลียนเซิน ช่องเขาเมิย มีความยาว50กิโลเมตรเชื่อมระหว่างจังหวัดลายโจว์และลาวกาย การที่ชาวท้องถิ่นได้เรียกว่าช่องเขาโอกวีโห่ก็เนื่องจากที่นี่มีนกชนิดหนึ่งที่มีเสียงร้องเร้าใจมากซึ่งผูกพันกับตำนานความรักระหว่างมนุษย์กับนางฟ้า โดยตามเรื่องเล่าขานนั้น มีหนุ่มคนหนึ่งชื่อ โอกวีโห่ ได้พบเจอกับนางฟ้าที่ลงมาเล่นน้ำแล้วก็เกิดความรักกันแต่ทั้งคู่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะคิดถึงคนรักนางฟ้าก็ได้กลายเป็นนกที่มีขนสีทองและบินวนเวียนเเถวๆนี้แล้วร้องเรียกชื่อโอกวีโห่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนชอบเรียกช่องเขาแห่งนี้ว่า ช่องเขาเมิย หรือช่องเขาแห่งเมฆเพราะที่นี่ถูกโอบล้อมด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปีโดยเฉพาะเมื่อเดินผ่านเขตนี้ในช่วงบ่าย นักท่องเที่ยวจะรู้สึกเหมือนกำลังยืนกลางทะเลเมฆที่สร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนในช่วงที่ฟ้าใสเมื่อยืนบนช่องเขาแล้วกวาดสายตาออกไปไกลๆก็จะเห็นภาพของป่าเขาและถนนขึ้นเขาที่คดเคี้ยวล้อมรอบภูเขา รวมทั้งความสวยงามของยอดเขาฟานซีปัง นาย หวูเจื่องยาง ชาวเมืองซาปาได้เผยว่า“ยอดช่องเขาโอกวีโห่ยังเรียกว่าประตูสู่สวรรค์ของซาปา ซึ่งมีความสูง2พันเมตร จากช่องเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของป่าเขาลำเนาไพรของเมืองลายโจว์พร้อมเส้นทางที่เปรียบเสมือนเป็นเส้นไหมที่โอบล้อมภูเขาต่างๆ มีบางช่วงช่องเขาทางฝั่งเมืองลาวกายเต็มด้วยหมอกแต่ช่องเขาทางฝั่งเมืองลายโจว์ฟ้าใสอากาศดี”

สภาพอากาศบนช่องเขาโอกวีโห่ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวสนใจเนื่องจากสภาพอากาศของสองฝั่งช่องเขานั้นแตกต่างกันตลอดทั้งปี ซึ่งถ้าหากในหน้าร้อนทางฝั่งของอ.เมืองซาปาจ.ลาวกายอากาศเย็นสบายปลอดโปร่งช่วงกลางวัน ช่วงบ่ายและค่ำวจะหนาวพร้อมหมอกลงจัด ทางฝั่งของอ.ตามเดื่องจ.ลายโจว์กลับมีแดดจัดและร้อนจนพืชหญ้าเหี่ยวแห้ง นางห่งแอง จากบริษัทท่องเที่ยว ซาวเวียด เผยว่า“พวกเราจัดทัวร์ค้นคว้าช่องเขาโอกวีโห่ควบคู่กับการเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวหลายแห่งเช่น น้ำตก ทากบาก ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตก10แห่งที่สวยที่สุดของจ.ลาวกาย เมื่อก่อนนี้เส้นทางไปยังช่องเขาโอกวีโห่นั้นลาดชันอันตรายมาก แต่เดี๋ยวนี้ได้รับการยกระดับให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้นแล้วจึงเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก”

สำหรับคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ ชอบค้นคว้า ชอบสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจและท้าทายความสามารถ ช่องเขาโอกวีโห่คือเส้นชัยที่ต้องพิชิตในเขตป่าเขาทางตอนเหนือของประเทศ แต่เมื่อได้ยืนอยู่บนยอดช่องเขาแห่งนี้แล้ว ความงดงามของธรรมชาติเหมือนดินแดนในฝันจะทำให้ความลำบากทุกอย่างนั้นคุ้มค่ามาก คุณมิงจาง นักท่องเที่ยวจากฮานอยได้เล่าถึงความรู้สึกของตนเมื่อสามารถพิชิตช่องเขาแห่งนี้ว่า“ดิฉันข้ามช่องเขาแห่งนี้ด้วยจักรยานยนต์มาสองครั้งแล้ว ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งแต่ละครั้งจะมีความรู้สึกแตกต่างกันมาก โดยช่วงค่ำคืนฟ้าสว่างด้วยแสงจันทร์บรรยากาศก็เหมือนจะลึกลับแต่แสนโรแมนติก ได้ยืนบนยอดช่องเขาแล้วดื่มด่ำในบรรยากาศที่มีแต่เสียงแห่งป่าเขาเสียงของสายลมที่หวิดหวิวหรือเสียงของแมลงที่ร้องยามกลางคืน นับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ไม่ง่ายนัก”