(VOVworld)- ทางการจังหวัด Thanh Hoa- แทงฮว้าได้จัดพิธีรับมอบหนังสือรับรองกำแพงราชวงศ์โห่เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมรูปธรรมแห่งที่3ของเวียดนามที่ยูเนสโก้ให้การรับรองต่อจากกรุงเก่าเว้และเขต หว่างแถ่งทังลองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม
|
กำแพงราชวงศ์โห่ทำจากหินสกัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
|
กำแพงราชวงศ์โห่อยู่ในพื้นที่ต.Vinh Tien และ ต.Vinh Long อ.Vinh Loc ในจังหวัดแทงฮว้า ห่างจากกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ150กิโลเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และมีเพียงแห่งเดียวในเวียดนาม โดยเมื่อปี1397 เพื่อเตรียมพร้อมทำข้าศึกกับศัตรูหมิงจากทางเหนือ กษัตริย์ Ho Quy Ly ทรงมีพระราชดำริให้ก่อสร้างกำแพงหินที่หมู่บ้าน อานตน อ.Vinh Loc ห่างจากตัวเมืองแทงฮว้าไปทางทิศตะวันตก 50กิโลเมตร กำแพงแห่งนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่ว่าจะเป็น Yen Ton –Tay Do- Tay Kinh เป็นต้นแต่ชาวบ้านมักเรียกกันจนติดปากว่า กำแพงราชวงศ์โห่ กำแพงแห่งนี้ถูกออกแบบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว900เมตร กว้าง700เมตร สูงประมาณ6เมตร ทำจากหินสกัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งมีบางก้อนหนักถึง30ตันและมีความยาวถึง6เมตร รวมทั้งหมดเกือบ20.000ลูกบาศก์เมตร ผนังกำแพงและประตูทางเข้าหลักทั้ง4ด้านถูกก่อสร้างด้วยหินปูนสีเขียวที่มีการแกะสลักลวดลายที่สวยงามแล้ววางซ้อนกันอย่างมิดชิด ซึ่งถึงแม้จะใช้วัสดุที่เป็นหินและดินโดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง3เดือนเท่านั้นแต่ก็สามารถตั้งตระหง่านท้าทายกระแสลม แสงแดดและความผันผวนแห่งประวัติศาสตร์ต่างๆมากว่า600ปีจนถึงปัจจุบัน โครงสร้างผนังกำแพงยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งนาย Pham Van Chay นักค้นคว้าวิจัยที่ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับกำแพงราชวงศ์โห่มาหลายปีเผยว่า ในสมัยโบราณการก่อสร้างได้ปฏิบัติตามความเชื่อเกี่ยวกับวัฐจักรชีวิตโดยจะสร้างในลักษณะของการเกิด คือแท่นหินที่ยาว5เมตรเป็นสัญลักษณ์ของการ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย นอกจากนั้นก็มีการสร้างจุดลากหิน8แห่งเพื่อใช้เป็นจุดรวมหินเพื่อลากไปก่อสร้างกำแพงซึ่งห่างจากตัวกำแพงประมาณ200เมตรแล้วใช้ช้างลากหิน.
|
ซุ้มประตูเป็นรูปครึ่งวงกลม ใช้หินประกอบเป็นลักษณะคล้ายรูปกลีบส้มโอเรียงซ้อนกัน
|
กำแพงราชวงศ์โห่มีประตูทางเข้าทั้ง4ทิศ โดยซุ้มประตูเป็นรูปครึ่งวงกลม ใช้หินประกอบเป็นลักษณะคล้ายรูปกลีบส้มโอเรียงซ้อนกัน นอกจากมีผนังเป็นหินแล้ว บริเวณด้านนอกกำแพงยังถูกล้อมด้วยผนังไม้ใผ่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัฒนธรรมเวียดนามและยังเป็นความภาคภูมิใจของชนรุ่นหลังเกี่ยวกับความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมที่ไม่มีแห่งใดเหมือน ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ภายในกำแพงยังมีสิ่งก่อสร้างมากมายหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น วัง Hoang Nguyen พระตำหนัก Dien Tho หรือวังตะวันออก ที่สง่างามไม่แพ้พระราชวังในกรุงทังลอง ซึ่งในช่วงต้นศตวรรษที่20 นักวิจัยชาวฝรั่งเศส L.Bezacier ที่มีประสบการณ์ในการศึกษาวัฒนธรรมของอินโดจีนได้ให้ข้อสังเกตุว่า กำแพงราชวงศ์โห่เป็นตัวอย่างเพียงแห่งเดียวเกี่ยวกับเทคนิกการใช้แท่นหินปูนขนาดใหญ่ที่ถูกสลักให้สวยงามวางทับกันอย่างน่าอัศจรรย์และถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมด้านสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดของเวียดนาม ส่วนนาย Vuong Van Viet รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดแทงฮว้าได้ย้ำถึงคุณค่าของโบราณสถานกำแพงราชวงศ์โห่ว่า คุณค่าที่โดดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือเป็นกำแพงเมืองโบราณที่แม้จะผ่านกาลเวลามากว่าหลายร้อยปีแต่ก็ยังสามารถยืนค้ำฟ้าท้าทายกาลเวลาได้มาตราบเท่าทุกวันนี้ รวมทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งการผสมผสานทางวัฒนธรรมต่างๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมจีน พุทธศาสนาและลัทธิโขงจื๊อ อีกทั้งยังถือเป็นมรดกที่สำคัญเกี่ยวกับเทคนิกการก่อสร้างกำแพงของบรรพชนด้วย.
ในการเยือนเขตโบราณสถานราชวงศ์โห่นี้ นักท่องเที่ยวยังจะได้ประจักษ์ถึงสิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์โห่เช่น ก้อนอิฐที่ใช้เพิ่มความสูงบนกำแพงหินเพื่อสามารถสอดส่องความปลอดภัยโดยรอบ อาวุธชนิดต่างๆที่มีทั้งกระสุนหิน มีด ตะปูเรือใบ กับเหล็ก ตลอดจนกระเบื้องรูปดาบหรือมังกรที่ใช้มุงหลังคาพระราชวังและแม่แบบเพื่อใช้เผาเครื่องใช้เซรามิกต่างๆในสมัยราชวงศ์โห่ เป็นต้น ซึ่งนาย Vuong Van Viet รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเผยว่า ทางการท้องถิ่นจะให้ความสนใจในการปฏิบัติมาตรการอนุรักษ์ที่หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งเรียกร้องการลงทุนจากแหล่งพลังต่างๆเพื่อส่งเสริมคุณค่าแห่งประวัติศาสตร์ของโบราณสถานแห่งนี้ต่อไป เพื่อให้กำแพงราชวงศ์โห่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่น่าสนใจอีกแห่งของเวียดนาม./.