(VOVworld)- เมื่อวสันต์เวียนมา เมื่อดอกท้อสีขาวบานสะพรั่งทั่วทั้งเขตป่าและอากาศในหน้าหนาวยังหนาวจัด นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศก็ได้หลั่งไหลกันมุ่งหน้าไปยังดินแดนอันศักสิทธิ์แห่งพุทธศาสนา เอียนตื๋อ เพื่อที่จะได้ปล่อยภวังกับธรรมชาติท่ามกลางเสียงระฆังที่ดังกังวาลไปทั้งเขตเขา

วัดโด่งบนยอดเขา

            เขตโบราณสถานแห่งประวัติศาสตร์และทัศนียภาพภูเอียนตื๋ออยู่ในตัวเมือง อวงบี๊ จังหวัด     กว๋างนิง รวมพื้นที่กว่า20กิโลเมตร ที่นี่มีวัดวาอารามและสถูปเจดีย์ที่มีอายุหลายร้อยปีมากมายหลายแห่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเขตป่าเขาเอียนตื๋อกว่า2700เฮกต้า  โดยภูเอียนตื๋อนั้นยังมีชื่อเรียกว่า Bach Van Son หรือ Phu Van Son ซึ่งหมายความว่าภูเขาแห่งสายหมอกที่มีความสูงกว่า1068เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งภูเอียนตื๋อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของนักบวชที่มีชื่อเสียงหลายรูปโดยเฉพาะกษัตริย์ Tran NhanTong ที่ทรงสละราชสมบัติให้แก่พระราชโอรสเพื่อเสด็จบรรพชาที่ภูแห่งนี้และทรงก่อตั้งพุทธศาสนานิกาย  Truc lam ซึ่งทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

            นางเหงวียนทิเลียน อายุ75ปี พุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่มาแสวงบุญที่วัดเอียนตื๋อได้เผยว่า เธอได้มาแสวงบุญที่นี่ตั้งแต่ปี1988และก็จำไม่ได้ว่ามาเอียนตื๋อกี่ครั้งแล้ว การมาทำบุญที่เอียนตื๋อก็เป็นการมุ่งสู่ดินแดนแห่งพระพุทธเจ้าดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงคุ้มครองให้มีความแข็งแรงเพื่อไปให้ถึงวัดโด่ง ที่ตั้งอยู่บนยอดสูงสุด ส่วน นายเหงวียนวันจูงบุตรชายของนางเลียนกล่าวว่า ได้พาแม่มาทำบุญที่วัดเอียนตื๋อทุกปี และสำหรับเขาเองการที่ได้อยู่บนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนา ได้ฟังเสียงสวดมนต์และเสียงระฆังดังกังวาลไกลและได้พูดคุยเรื่องราวทั้งทางโลกและเรื่องพระธรรมกับพระสงฆ์นั้นถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง

            คุณแม่ของผมเป็นสมาชิกกลุ่มพุทธศาสนิกชนวัด ก๊วานซื้อ ดังนั้นทุกปีทางวัดจึงจัดคณะไปแสวงบุญที่เอียนตื๋อในช่วงปีใหม่เพื่อขอให้พระพุทธเจ้าคุ้มครองให้ทั้งครอบครัวมีความสุข  ชาวเวียดนามจำนวนมากนับถือศาสนาพุทธและทุกคนถือว่าที่นี่คือถิ่นกำเนิดของพุทธศาสนานิกาย Truc Lam เวียดนาม

นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศก็ได้หลั่งไหลกันมุ่งหน้าไปยังดินแดนอันศักสิทธิ์ เอียนตื๋อ

            ผู้คนที่หลั่งไหลพากันมาแสวงบุญที่ เอียนตื๋อ นี้ต่างก็พยายามเดินขึ้นให้ถึงวัด โด่ง ที่อยู่บนยอดเขาสูงสุด เพื่อชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์รวมทั้งเพื่อชื่นชมกับความงามของธรรมชาติและความสง่างามของวัดโด่งกลางทะเลหมอก ซึ่งได้ช่วยให้บรรยากาศของวัดมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

            การที่ได้ไปถึงวัดโด่ง ซึ่งเป็นแดนกาสาวพัสตร์ นั้นต้องมีความเลื่อมใสศรัทธาถึงจะขึ้นได้ คุณ ห่าเฟืองมาย เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยเผยว่า ทุกครั้งที่ไปเอียนตื๋อและได้สัมผัสกับบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดโด่งบนยอดเขาได้ทำให้เธอรู้สึกถึงความสงบในจิตใจ

            ครั้งแรกที่ดิฉันมาเอียนตื๋อเมื่อ5ปีก่อนก็รู้สึกตึ้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้าไม่รู้จะอธิบายยังไง มาครั้งนี้เป็นครั้งที่2และไปถึงที่วัดโด่งแล้ว สิ่งที่ดิฉันปรารถนาคือได้ไปถึงแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนานี้ ซึ่งเป็นมุมสงบให้แก่จิตวิญญาณเท่านั้นเอง

            ส่วนนางเหงวียนทิเติม ชาวนครโฮจิมินห์คนหนึ่งที่มาแสวงบุญที่เอียนตื๋อ18ปีแล้วกล่าวว่า

            ทุกครั้งที่มาที่นี่ดิฉันก็ต้องไปให้ถึงวัดโด่ง เมื่อก่อนต้องเดินไต่เขาเป็นระยะทางที่ยาวมาก ถ้าเหนื่อยก็พักใต้ร่มไม้กลางทางแล้วขึ้นต่อจนกว่าจะถึงจุดหมาย แต่เดี๋ยวนี้ได้มีการติดตั้งกระเช้าไฟฟ้าก็ช่วยย่นระยะทางได้ส่วนหนึ่ง ปีนี้ดิฉันอายุ70แล้วและก็เป็นสมาชิกของกลุ่มพุทธศาสนิกชนดังนั้นพวกเราจึงจัดคณะมาแสวงบุญที่นี่ซึ่งการเดินทางนั้นไม่ต้องเตรียมอะไรนักหนาขอให้มีความเลื่อมใสและใจศรัทธาก็พอ.

มองจากไกลๆวัดโด่งคล้ายดอกบัวทองทอแสงเรืองรองท่ามกลางสีเขียวของพนาไพร

            ผ่านกาลเวลาและความผันผวนของประวัติศาสตร์มากว่า700ปี วัดวิหารหลายแห่งในเขตภูเอียนตื๋อนี้จึงเหลือเพียงร่องรอยเท่านั้นแต่ก็มีวัดหลายแห่งที่ได้รับการก่อสร้างหรือบูรณะใหม่ แต่ที่สำคัญและมีความหมายที่สุดคือคุณค่าแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโดยเฉพาะแนวคิดของพุทธศาสนานิกายTrucLam-เวียดนามที่ยังคงได้รับการสืบทอดและเผยแผ่อย่างกว้างขวางและเมื่อถึงวันที่10เดือนอ้ายตามจันทรคติของทุกปี เทศกาลแห่งวสันต์ ณ ปูชนียสถานเอียนตื๋อก็ได้เปิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลมาทำบุญไหว้พระ  อธิษฐานขอโชคลาภและชมความงามของทัศนีภาพที่สวยงามและประจักษ์ถึงความสง่างามของวัดโด่งที่มองจากไกลๆนั้นคล้ายดอกบัวทองทอแสงเรืองรองท่ามกลางสีเขียวของพนาไพรแห่งนี้./.

Lan Anh-VOV5