( VOVworld )-
ภูฟานซีปานในเทือกเขาหว่างเลียนเซินเป็นภูเขาที่สูงสุดของประเทศเวียดนามซึ่งมีเสน่ห์ดึงดูดบรรดาคนและชอบการท่องเที่ยวผจญภัยให้มาพิชิตรยอดเขาสูงเสียดฟ้าแห่งนี้
การพิชิตภูฟานซีปานสูง ๓,๑๔๓ เมตรนั้นต้องผ่านผาหินลาดชัน ลื่นไถลและลานโคลนตม ซึ่งลำบากมากแต่ก็ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยย่อท้อ ทีมของนางสาวเซืองถิ่เหวียตเอี๊ยนที่อาศัยและทำงานในฮานอยประกอบด้วยสาวสองคนและชายหนึ่งคนก็อยากไต่ขึ้นยอดเขาฟานซีปานที่น่าเร้าใจนี้เช่นกัน นางสาวเหยี่ยวลินห์สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของทีมคุยกับพวกเราว่า “ คนรุ่นใหม่พวกเราอยากพิชิตสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่าเร้าใจ การไต่เขาฟานซีปานครั้งนี้ถือเป็นการผจญภัยเพราะหนูยังไม่มีประสบการณ์ อีกทั้ง ธรณีสัญฐานไม่ราบที่ต้องขึ้นที่สูงและลงที่ราบและระยะทางไกลมากดังนั้นทีมของหนูต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ”
ทะเลเมฆปกคลุมภูผาฟานซีปาน
ทีมของนางสาวเซืองถิ่เหวียดเอี๊ยนเดินทางจากจ่ามโกน ประตูอุทธยานแห่งชาติหว่างเลียนเซินที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล๑,๘๐๐ เมตร ช่วงทางนี้ยาว ๑๖ กิโลเมตรต้องใช้เวลา ๑ คืนกับ ๒ วันเหมาะสำหรับนักไต่เขาสมัครเล่นและนักท่องเที่ยว ระยะทางแรกยังสะดวกอยู่ พวกเขาต้องเดินผ่านทางที่ไม่ลาดชันมากนักและลำธารเล็กๆที่คดเคี้ยวใต้ร่มไม่ให้ความร่มเย็นทำให้นางสาวเอี๊ยนกับเพื่อนสองคนรู้สึกสบายมาก ยิ่งไต่ขึ้นพวกเขาจะได้พบกับวิวสวยๆของป่าที่มีต้นไม้โบราณให้ความรุ่มรื่นและเหยียบบนพรมใบ้ไม้ที่ร่วงหล่นหนาท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเสียงลำน้ำไหลจากร่องหินและบรรยากาศที่สงบเงียบของป่าทึบ แต่ยิ่งไต่สูงขึ้นเราก็รู้สึกว่า ก้าวเท้าจะหนักขึ้นและรู้สึกถึงไอหมอกที่เกาะตามผิวหน้าและผม นางสาวเหวียดเอี๊ยนที่เป็นพี่ใหญ่และเดินนำหน้าทีมถึงต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจจากเพื่อนร่วมเดินทางและนักท่องเที่ยว นางสาวเหวียดเอี๊ยนกล่าวว่า “ สุขภาพสำคัญต่อการไต่เขา แต่ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ก็สำคัญไม่แพ้เลยทีเดียว มีพี่คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง พี่เขารูปร่างผอมเรียวและมีอายุสูงกว่าดิฉันเยอะมากแต่ยังตั้งใจพิชิตยอดเขาฟานซีปานให้ได้ ดิฉันต้องไต่ขึ้นยอดเขาฟานซีปานให้ได้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถเอาชนะตัวเองได้ บางครั้งรู้สึกย่อท้อจนอยากเลิกกลางคันแต่ภาพของพี่คนนั้นทำให้ดิฉันมีกำลังใจฟันฝ่นทุกอย่างเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดของเวียดนาม ”
ทางเดินขึ้นภูฟานซีปาน
แม้จะลำบากมากน้อยเพียงใด แต่พวกเขาได้ชมความสวยงามของธรรมชาติที่สมบูรณ์ของเทือกเขาหว่างเลียนเซินที่สูงตระหง่านจนทำให้นางสาวเหยี่ยวลินห์อดแสดงความชื่นชอบไม่ได้ขณะที่อยู่ท่ามกลางทะเลเมฆ “ ทุกคนมักจะกล่าวถึงการล่าเมฆ บนเส้นทางที่เราเดินนั้น หนูเห็นทะเลเมฆด้านหลัง หนูจึงร้องเสียงดังว่า ดิฉันได้เห็นทะเลเมฆครั้งแรกในชีวิตแล้ว และอยากบินท่ามกลางทะเลเมฆดังกล่าว ”
สำหรับนายเหงียะนั้น แม้ออกกำลังกายเป็นประจำแต่ประสบการณ์ในหนึ่งวันที่ผ่านมาไม่เหมือนที่เขาคิด นายเหงียะกล่าวว่า “ การไต่เขาของจริงแตกต่างกับที่เคยคิดไว้ ซึ่งนอกจากต้องไต่เขาเองแล้ว จิตใจแห่งทีมเวิร์คและการให้กำลังใจกันก็สำคัญยิ่ง ทิวทัศน์ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปมากจากไหล่เขาฝั่งนี้ไปยังไหล่เขาฝั่งโน่น มองลงไปจะเห็นทะเลเมฆสวยมาก เมื่อไต่ถึงจุดที่มีความสูง๒,๘๐๐ เมตรรู้สึกเหนื่อยมาก พอตกค่ำอากาศหนาวจัด ”
วันแรกสมาชิกของทีมหยุดพัก ณ ความสูง ๒,๘๐๐ เมตร กลางคืนท่ามกลางภูเขาและป่าทึบอุณหภูมิต่ำกว่า ๕ องศาเซลเซียส อากาศหนาวทำให้ร่างกายทุกคนรู้สึกชา แต่ความหนาวเหน็ยบจะผ่านไปเร็วเพราะทุกคนกำลังรอคอยระยะทางที่สองที่ยาวกว่า ๓๐๐ เมตรเท่านั้นแต่ลำยากยิ่งเพราะอากาศหนาวบรรยากาศที่เบาบางและต้องเดินผ่านผาเขาที่ลาดชัน ลำน้ำและทางเดินที่ลื่น นางสาวเอี๊ยนคุยว่า “ รู้สึกมีความสุขมากที่ได้รับแสงอรุณบนยอดเขาฟานซีปาน ดิฉันจะจดจำเสี้ยววินาทีนี้ตลอดชีวิต จากยอดเขามองลงไปเมืองซาปาเล็กมาก ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างในการเดินทางและพิชิตยอดเขาฟานซีปานได้ ”
ยืนบนยอดเขาฟานซีปานท่ามกลางลมแรงและทะเลเมฆ เรารูสึกภูมิใจมากที่สามารถพิชิตภูผาสูงที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้และทั้งนั้นทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปสนิท เหลือแต่เพียงความสุขที่มือได้แตะป้ายบอกความสูง๓,๑๔๓เมตรเหลือที่จะบรรยายได้ ./.