จตุรัสแห่งนี้อยู่ในกลุ่มโบราณสถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม บาดิ่นห์ เป็นพยานแห่งกาลเวลาที่ได้จารึกร่องรอยของประวัติศาสตร์ สถานที่แห่งนี้เป็นหัวใจของนครหลวง เป็นความภาคภูมิใจของชาวกรุงฮานอยและของประชาชนเวียดนามทุกคน |
สำหรับชาวเวียดนาม การที่ได้มายืนอยู่ที่จตุรัสบาดิ่นห์ไม่ว่าในเวลาใดโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแห่งวันชาตินั้นถือเป็นความปลื้มปิติและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงนี้ จตุรัสบาดิ่นห์ได้ต้อนรับผู้คนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมาร่วมฉลองวันเเห่งเอกราชและเสรีภาพใต้ธงแดงดาวเหลือง คุณเหงวียนบิ๊กแหงห์ จากจังหวัดด่งนาย ที่มาเยี่ยมชมเมืองหลวงในโอกาสนี้เผยว่า
"นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมาเยือนจตุรัสบาดิ่นห์ตรงกับโอกาสฉลองวันชาติ โดยเฉพาะได้เข้าร่วมพิธีเคารพธงชาติตอนหกโมงเช้า ซึ่งสร้างอารมณ์ความรู้สึกเหลือที่จะกล่าว ทั้งความปลื้มปิติยินดีและความภาคภูมิใจในชาติ ซึ่งนับเป็นเสี้ยวนาทีที่ศักดิ์สิทธิ์มาก"
จตุรัสบาดิ่นห์ หัวใจแห่งนครหลวงฮานอยเป็นแหล่งอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์และเป็นแหล่งทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงของนครหลวง สถานที่แห่งนี้ได้มีการจัดเหตุการณ์สำคัญเป็นพิเศษสำหรับชาวเวียดนาม นั่นคือเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชเพื่อสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันคือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ประธานโฮจิมินห์ในการประกาศเอกราชที่จัตุรัส บาดิ่นห์ |
คำพูดที่เป็นอมตะของประธานโฮจิมินห์ในการประกาศเอกราชที่จัตุรัส บาดิ่นห์ ในฤดูใบไม้ร่วงของปีนั้นยังคงก้องกังวาลในหัวใจของชาวเวียดนามจำนวนมากเมื่อมาที่จัตุรัสแห่งนี้
จตุรัสบาดิ่นห์เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ขนาดความยาว320เมตร และกว้าง 100 เมตร มีผืนหญ้า 210 ผืน ที่ทางเดินกว้าง 1.4เมตรล้อมรอบ จุดโดดเด่นตรงกลางจัตุรัสคือเสาธงสูง 25 เมตร ที่มีธงแดงดาวเหลืองโบกสะบัดเหนือท้องฟ้าทุกวันเพื่อยืนยันเอกราชและอธิปไตยที่มั่นคงของประเทศ ก่อนหน้านี้จัตุรัสเป็นพื้นที่ภายในเขตหว่างแถ่งทังลอง ถึงปี1894 เมื่อมายึดครองฮานอยนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศสได้สร้างสวนสาธารณะขนาดเล็กที่เรียกว่า Pugininer Square จากนั้นหลังจากที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดอำนาจจากฝรั่งเศสและประกาศรับรองเอกราชของเวียดนาม นาย เจิ่นวันลาย (Tran Van Lai) นายกเทศมนตรีฮานอยในตอนนั้น ได้เปลี่ยนชื่อสวน Pugininer เป็นสวนดอกไม้ บาดิ่นห์ เพื่อรำลึกถึงการลุกฮือต่อต้านฝรั่งเศสของกองพลดินห์กงช้าง (Dinh Cong Trang) ในเขตบาดิ่นห์ อำเภอ งาเซิน จังหวัด แทงฮว้า ในปลายศตวรรษที่ 19
บริเวณด้านนอกจัตุรัสบาดิ่นห์ นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคอาณานิคม เช่นทำเนียบข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสแล้ว ในช่วงต่อมาก็มีการก่อสร้างกิจการที่สำคัญต่างๆเช่นทำเนียบประธานประเทศ อาคารรัฐสภาและสิ่งที่พิเศษที่สุดในหัวใจของชาวเวียดนามทุกคนคือสุสานโฮจิมินห์ ซึ่งเปิดทำการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี1975 นาย โด๋เจี๊ยนทั้ง (Do Chien Thang) อาศัยที่เขตบาดิ่นห์ กรุงฮานอยกล่าวว่า
"ผมรู้สึกตื่นเต้นและปิติยินดีทุกครั้งที่ได้ไปเยี่ยมชมสุสานของลุงโฮ ถึงแม้ว่าตอนนี้อายุมากแล้วแต่ความรู้สึกนั้นก็ยังคงเหมือนกับวันแรกที่เปิดสุสานของลุงโฮ"
จัตุรัส บาดิ่นห์ มีภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่สุดในฮานอยพร้อมด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ผูกพันกับการเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็งในทุกมิติของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต ที่นี่ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่มากด้วยคุณค่าทางจิตใจที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของชาวเวียดนามตลอดไป./.