ฟอรั่มอนาคตอาเซียนปี 2024

โอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามได้สัมภาษณ์นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี หัวหน้าทีมประเทศไทย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศและปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศไทย เกี่ยวกับบทบาทและการมีส่วนร่วมของเวียดนามและไทยในการประชุมครั้งนี้

ในการนี้ นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี เผยว่า คณะผู้แทนประเทศไทยที่เข้าร่วมฟอรั่มอนาคตอาเซียนปี 2024 นี้ได้แสดงการสนับสนุนข้อคิดคิดริเริ่มต่างๆ ของเวียดนามเกี่ยวกับการพัฒนาร่วมอย่างยั่งยืนของอาเซียน

“วัตถุประสงค์แรกก็คือว่า เพื่อนของเรา เวียดนาม และประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมกันจัดการประชุมที่สำคัญ เราก็อยากจะมาเพื่อให้การสนับสนุนความคิดริเริ่มของเวียดนาม นอกจากนั้น การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเรากำลังมองว่า อาเซียนจะพัฒนาอย่างไรต่อไป กำลังจะมีการสร้างร่างวิสัยทัศน์อาเซียนปี ค.ศ. 2045 ดังนั้น การหารือบนเวทีแบบนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ที่จะได้รับฟังความคิดเห็นและข้อริเริ่มใหม่ๆ ของประเทศต่างๆ ที่เวียดนามได้เชิญมาเข้าร่วม”

นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ได้ยกย่องและชื่นชมการเลือกหัวข้อ “สร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนให้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ยั่งยืน และถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย รวมถึงกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทการเป็นผู้นำและเดินหน้าในการเลือกหัวข้อดังกล่าว

“ผมคิดว่า เวียดนามได้เลือกหัวข้อที่ดีและเหมาะสมมาก เพราะว่าแต่ละประเด็นของหัวข้อมีความสำคัญกับอาเซียนและประเทศสมาชิก เรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่เราควรจะเน้นและแลกเปลี่ยนกันว่าจะทำยังไงให้การพัฒนาของเรายังอยู่ นอกจากนั้น เวียดนามก็ได้เน้นเรื่องการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งอันนี้เป็นหัวใจของอาเซียนมาตลอดว่า เราทำอะไร เราก็ต้องทำเพื่อประชาชน ให้ประชาชนได้เห็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ผมขอชื่นชมหัวข้อที่ได้เลือกและบทบาทการแสดงความเป็นผู้นำของเวียดนามที่ได้ริเริ่มการหารือแบบนี้ ซึ่งไม่ได้มีมาก่อน เป็นลักษณะที่ใหญ่แบบนี้ ผมหวังว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการหารือที่จะมีต่อไป”

ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามสัมภาษณ์นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี หัวหน้าทีมประเทศไทย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศไทย

เพื่อแสวงหาแนวทางการรับมือความท้าทายต่างๆ ที่ภูมิภาคอาเซียนกำลังต้องเผชิญหน้าในการรักษาบทบาทการเป็นศูนย์กลางเพื่อปรับตัวให้เข้าการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาคและโลก รวมถึงการที่จะต้องทำยังไงให้อาเซียนสามารถปรับตัวได้ทัน มีความสมดุล และประสานกับความสนใจของกลุ่มประเทศสมาชิก รวมถึงภายในภูมิภาคอาเซียนและบรรดาประเทศหุ้นส่วน บรรลุความสมดุลระหว่างกระบวนการนวัตกรรมและการพัฒนากับการอนุรักษ์ค่านิยมหลักต่างๆ ของอาเซียน สามารถมีการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว สร้างความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ควบคู่กับการค้ำประกันความยั่งยืนของการพัฒนา โดยถือประชาชนเป็นศูนย์กลางของกระบวนการนั้น นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ได้แสดงความเห็นว่า อย่างแรกคือ อาเซียนต้องมีความมั่นคง พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อสามารถหาคำตอบให้กับคำถามต่างๆ เหล่านี้

“เราไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้ เราต้องร่วมมือกับประเทศอื่นๆ มีประเทศมหาอำนาจที่เห็นความสำคัญของภูมิภาคเราแล้วเข้ามาอยากจะมีบทบาท อันนี้ ก็กระทบต่อเสถียรภาพของอาเซียนด้วย ดังนั้น อาเซียนจะต้องร่วมกันเป็นปึกแผ่น พยายามรักษาบทบาทของเรา ไม่ใช่ให้ประเทศนอกภูมิภาคเข้ามากำหนดบทบาทของเรา ฉะนั้น เราจะต้องมีความสมดุล เราควรที่จะเน้นหลักการพหุภาคีเพื่อจะสามารถมาคานอำนาจกับประเทศนอกภูมิภาคได้ ผมคิดว่า ค่านิยมของอาเซียนและการที่เรามีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันนั้น มีความสำคัญกับการทำงานของอาเซียนอย่างมาก เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถรักษาความเป็นกลางของเราในภูมิภาค”

สำหรับข้อคิดริเริ่มต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมของคณะผู้แทนประเทศไทยในฟอรั่มฯ นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ได้เสนอให้อาเซียนต้องสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนตั้งแต่บัดนี้

“เราเป็นประเทศผู้ประสานงานของอาเซียนเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในเวทีต่างๆ ระดับโลก ถ้ามีโอกาส ประเทศไทยจะพยายามผลักดันเรื่องความยั่งยืน พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ของเราก็ได้เน้นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและความยั่งยืน ในที่ประชุมครั้งนี้ พวกเราก็พยายามแสดงความเห็นในประเด็นต่างๆ เช่น เพื่อความยั่งยืน เราก็ต้องรักษาความมั่นคงในภูมิภาค เราควรจะต้องเน้นเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคตที่ทุกคนกำลังจับตามองอยู่ ทำยังไงให้สามารถมี green financing หรือการเงินสีเขียว เพื่อที่จะช่วยกลุ่มบริษัทขนาดเล็กสามารถปรับธุรกิจของตนเองให้เป็นสีเขียวได้ ผมก็อยากจะพูดถึงเรื่องความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม บทบาทของเยาวชนก็มีความสำคัญมาก เพราะเยาวชนเหล่านี้จะเป็นผู้นำของประเทศต่อไป สุดท้ายก็คือ อยากจะเน้นเรื่องของการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกัน ต้องร่วมมือกับประเทศนอกภูมิภาคที่เป็น dialogue partner ของเรา เพื่อดึงให้พวกเขามาช่วยส่งเสริมการพัฒนาของภูมิภาค”

นอกจากนี้ นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ยังได้ย้ำถึงการส่งเสริมการรักษาความมั่นคงอย่างรอบด้านท่ามกลางสถานการณ์แห่งความท้าทายด้านความมั่นคงระดับโลก ซึ่งก็คือความร่วมมือพหุภาคี ถือเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อค้ำประกันบทบาทของอาเซียน อีกทั้งยืนยันว่า ประเทศไทยจะยังคงให้การสนับสนุนข้อคิดริเริ่มต่างๆ ของเวียดนามเพื่อการพัฒนาร่วมของภูมิภาคอาเซียนต่อไปในอนาคต./.