ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้สภาวการณ์ของโลกและในภูมิภาคมีความผันผวนอย่างซับซ้อน แต่ด้วยความพยายามจากทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในวงกว้างและเชิงลึก ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศที่สันติภาพและเสถียรภาพในระยะยาวเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พร้อมยกระดับสถานะของแต่ละประเทศและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันต่อการสร้างสรรค์สันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาในภูมิภาคและโลก
 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา Prak Sokhonn |
ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างเวียดนามกับกัมพูชามีบทบาทสำคัญในการวางแนวทางสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในภาพรวม โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามข้อตกลงหลายฉบับเพื่อสร้างพื้นฐานให้แก่การพัฒนาความร่วมมืออย่างรอบด้าน อีกทั้งจัดการเดินทางไปเยือนและพบปะหารือระหว่างบรรดาผู้นำระดับสูง รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทุกระดับ ผ่านรูปแบบที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมครั้งที่ 20 คณะกรรมการร่วมเวียดนาม-กัมพูชาเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา Prak Sokhonn เผยว่า
“ผมขอชื่นชมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในทุกด้านผ่านช่องทางของพรรค รัฐ และประชาชน โดยเฉพาะการประชุมระดับสูงระหว่างสองพรรคเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเข็มทิศนำทางในการเสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองชาติ อีกทั้งอยากเสนอให้หน่วยงานที่มีอำนาจของทั้งสองประเทศอำนวยความสะดวกให้แก่การแลกเปลี่ยนระดับประชาชน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าชายแดน”
พื้นฐานความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีงาม ได้มีส่วนช่วยส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีเวียดนาม-กัมพูชาในด้านต่างๆ โดยความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคงที่นับวันมีการพัฒนาเข้าสู่ส่วนลึกมากขึ้น ถือเป็นเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันปฏิบัติข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคงหลายฉบับ เสริมสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสานงานกันเพื่อรักษาความมั่นคงทางการเมืองและสังคมในแต่ละประเทศ รวมถึงความมั่นคงในพื้นที่เขตชายแดนทางบกและทางทะเล สำหรับมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาในปี 2022 บรรลุกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 11 เมื่อเที่ยวกับช่วงเดียวกันของปี 2021 ทำให้เวียดนามกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของกัมพูชาในภูมิภาคอาเซียน จนถึงปัจจุบัน เวียดนามมีโครงการลงทุนที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินงานในกัมพูชา 205 โครงการ รวมยอดเงินลงทุนราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งติดอันดับ 1 ในอาเซียนและท็อป 5 ประเทศมีการลงทุนโดยตรงมากที่สุดในกัมพูชา ในขณะที่การส่งออกของกัมพูชามายังเวียดนามก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณในเชิงบวกสำหรับการค้าทวิภาคีและการยกระดับขีดความสามารถในภาคการผลิตของกัมพูชา ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม บุ่ยแทงเซิน ก็ได้กล่าวถึงการกระชับความร่วมมือทวิภาคี ว่า
“เกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน พวกเราได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและนโยบาย มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสรุปแผนสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสองเศรษฐกิจจนถึงปี 2030 โดยเร็ว ดำเนินแผนการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการค้าชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งเสริมการคุ้มครองการลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พวกเรายังได้เรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการเวียดนามในการขยายตลาดในกัมพูชา โดยเฉพาะโครงการในด้านการแปรรูปอาหาร การผลิตปุ๋ย ธนาคาร การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารด้านสาธารณสุข และการปลูกผลิตภัณฑ์การเกษตรออร์แกนิก อีกทั้งช่วยแก้ไขปัญหาด้านภาษีโดยเร็ว”
 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม บุ่ยแทงเซิน |
สำหรับการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เปิดกว้าง พหุภาคี และมีความหลากหลาย เวียดนามและกัมพูชาได้มีการประสานงานกันอย่างแข็งขันในฟอรั่มระหว่างประเทศและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบของอาเซียนและสหประชาชาติ รวมถึงกลไกความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาทั้งในภูมิภาคและโลก
ทั้งนี้ ความสามัคคี สัมพันธไมตรีที่มีมาอย่างช้านาน ความร่วมมืออย่างรอบด้านและยั่งยืนในระยะยาวระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในตลอดกว่า 55 ปีที่ผ่านมา ด้วยแนวทางและขอบเขตความร่วมมือในระยะใหม่ พร้อมความมุ่งมั่นของบรรดาผู้นำและประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองและชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกของประชาชนที่เอื้อต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาในภูมิภาคและโลก.