(VOVworld) – ในตลอด๔๕ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เวียดนามและกัมพูชาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต สัมพันธไมตรีและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและได้ประสบผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เพราะนอกจากความตั้งใจทางการเมืองของผู้นำทั้งสองประเทศแล้ว ระเบียบการร่วมมือระหว่างสองฝ่ายก็ได้รับการจัดตั้งและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
|
ท่านNguyễn Tấn Dũngนายกรัฐมนตรีเวียดนามและสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (Photo:Internet) |
(VOVworld) – ก่อนอื่น คณะกรรมการผสมเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นระเบียบการร่วมมือระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ได้รับการจัดตั้ง เมื่อปี๑๙๙๔โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้แต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานคณะอนุกรรมการความร่วมมือเพื่อจัดการประชุมหมุนเวียนกันทุกปีและเพื่อปฏิบัติระเบียบการร่วมมือระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงและคณะผู้แทนคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการร่างกฏหมาย การตรวจสอบและช่วยเหลือในการฝึกอบรมบุคลากร ควบคู่กับระเบียบความร่วมมือส่วนกลาง กระทรวงและหน่วยงานของทั้งสองประเทศได้มีความสัมพันธ์ร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมและปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือทุกปี กระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมเวียดนาม และกระทรวงศึกษา เยาวชนและการกีฬากัมพูชาได้จัดตั้งระเบียบการพบปะแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมบุคลากร ในการกล่าวปราศรัยกับสื่อมวลชน นายฮุน ฟานี เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำเวียดนามได้กล่าวว่า “พรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลและประชาชนเวียดนามให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการฝึกอบรมบุคลากรโดยทุกปีได้จัดทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษากัมพูชาเพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วมพัฒนาประเทศกัมพูชาให้เป็นประเทศที่เจริญเข้มแข็งในภูมิภาค” การทูตเพื่อประชาชนก็เป็นหนึ่งในระเบียบการร่วมมือที่ได้รับความสนใจผลักดัน รวมทั้งความร่วมมือระหว่างแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามกับแนวร่วมสามัคคีพัฒนาปิตุภูมิกัมพูชา กองเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์กับสมาคมเยาวชนกัมพูชา สหพันธ์สตรีเวียดนามกับสหพันธ์สตรีกัมพูชาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาและ สมาคมมิตรภาพเวียดนาม กัมพูชาซึ่งในเวลาที่ผ่านมา องค์กรเหล่านี้ได้จัดกิจกรรมที่หลากหลายและนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างจริงจัง นายVũ Mão นายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม กัมพูชาได้กล่าวว่า “พวกเราเห็นว่า เยาวชนเป็นสะพานเชื่อมแห่งสัมพันธไมตรี และความสามัคคีระหว่างสองประเทศ ดังนั้นพวกเราจึงให้ความดูแลเอาใจใส่ต่อนักศึกษากัมพูชาที่กำลังศึกษาในเวียดนามซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ พวกเราได้จัดครอบครัวเวียดนามให้ความช่วยเหลือนักศึกษากัมพูชาที่กำลังศึกษาในเวียดนามและจัดกิจกรรมบริจาคเพื่อให้การสนับสนุนครอบครัวที่ยากจนในกัมพูชา” เวียดนามและกัมพูชามีแนวพรมแดนทางบกที่มีความยาวกว่า๑.๑๐๐กิโลเมตรผ่าน๑๐จังหวัดของเวียดนามและ๙จังหวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นจุดได้เปรียบให้แก่การพบปะแลกเปลี่ยนระดับประชาชนและอำนวยความสะดวกให้แก่การค้า ตอบสนองความต้องการในการพัฒนาของแต่ละประเทศ ผู้นำพรรค รัฐและประชาชนเวียดนามกับกัมพูชาได้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการขยายความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนซึ่งตามความในข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย เมื่อปี๒๐๐๔ ระเบียบการประชุมเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาได้รับการจัดตั้งและได้รับการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเป็นประธานร่วมซึ่งจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายได้จัดการประชุม๗ครั้งแล้วและการประชุมล่าสุดได้รับการจัดขึ้น ณ นครโฮจิมินห์ เมื่อเดือนมีนาคมปี๒๐๑๒ พลตรีHoàng Kiềnรองหัวหน้าคณะกรรมการชี้นำโครงการลาดตระเวนชายแดนเวียดนาม ลาวและกัมพูชากล่าวว่า จากการประชุมครั้งต่างๆ กระทรวง หน่วยงาน และท้องถิ่นชายแดนของทั้งสองประเทศต่างยืนยันว่า นี่เป็นระเบียบการร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ท้องถิ่นชายแดนของทั้งสองประเทศขยายความเข้าใจ ความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นแต่ละแห่ง มีส่วนร่วมในการรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคงและการป้องกันประเทศตามบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ“ ถ้าสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนเวียดนาม กัมพูชามีเสถียรภาพก็จะนำมาซึ่งสันติภาพและมิตรภาพให้แก่ทั้งสองประเทศ อำนวยความสะดวกในการไปมาหาสู่และเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกัน ถ้ามีอะไรขัดข้อง พวกเราจะร่วมกันเจรจา ทำความเข้าใจเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ”
|
กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำนครโฮจิมินห์พบปะกับเจ้าหน้าที่บริหารนคร(Photo:Internet) |
ระเบียบการร่วมมือในทุกด้านที่ยั่งยืนและยาวนานมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสัมพันธไมตรีและความร่วมมืออันดีงามระหว่างสองประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาเป็นตัวอย่างให้แก่สัมพันธไมตรี ความร่วมมือ ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ ความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาในอาเซียน./.