(VOVworld) – ภายหลัง๔วันที่เดินทางไปเยือนจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือเวียดนาม วันสุดท้าย คณะผู้สื่อข่าวไทย รวม๘คนได้ไปทำข่าวที่หมู่บ้านผ้าไหมหว่านฟุก ชาญกรุงฮานอย สิ่งใดที่ดึงดูดใจผู้สื่อข่าวไทยในการเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ ต่อไปนี้คือขอเชิญท่านฟังบทความของคุณมินห์ลี้ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามที่เดินทางไปพร้อมกับคณะ
|
กี่ทอผ้า (Photo:Vanphuc Silk ) |
๘โมงครึ่งในวันสุดท้ายของเดือนพฤษภาคมที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ปั๊ปซึ่งเป็นบรรณาธิการและหนุ่มที่เป็นช่างภาพได้ชวนกันไปถ่ายภาพนกของกลุ่มผู้เลี้ยงนกที่สระ เถวี่ยนกวางใกล้ๆโรงแรมเป็นเวลา๓๐นาทีก่อนที่รถจะมารับไปเยือนหมู่บ้านหว่านฟุก ปั๊ปมีอายุน้อยกว่าหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมคณะมีผิวขาว ใส่หมวกแก็ป รูปร่างท้วม ใส่กางเกงยีนทรงหลวม และมีฟันเทียม ส่วนหนุ่มมีผิวดำ ไว้เครา สวมแว่นสายตาสั้น หูฟัง มีรูปร่างสูงใหญ่ มือถือกล้องถ่ายภาพ ปั๊ปเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบอย่างสนุกๆกับเพื่อนหญิงชาวเวียดนามที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกับคณะหลังจากที่นั่งบนรถว่า“นกของเวียดนามดีนะ เก่งมากถ้าเทียบกับนกในเมืองไทย เสียงเพราะ โดยเฉพาะนกหัวจุก ที่เมืองไทยแพงมาก ถ้าร้องดีๆเป็นล้านก็มี แต่ว่ามันก็อยู่ที่ความวิจิตของกรงนกซึ่งอาจส่งผลให้ราคาเป็นแสนก็ได้ ที่เวียดนามนกเยอะแยะ ประทับใจเรื่องนี้ด้วยครับ”
หมู่บ้านหว่านฟุกห่างจากใจกลางกรุงฮานอยประมาณ๑๐กิโลเมตร หลังจากใช้เวลาเดินทาง๔๕นาที ทั้งคณะเยือนหมู่บ้านหว่านฟุกเป็นเวลา๑ชั่วโมง มองจากไกลๆจะเห็นอาคารสูง๓ ๔ ชั้นอยู่ติดๆกันในหมู่บ้าน ทางเข้าหมู่บ้านต้องผ่านประตูใหญ่ที่ก่อสร้างด้วยอิฐ หลังคามุงกระเบื้อง ข้างล่างแขวนโคมไฟสีแดงและมีกลองใบใหญ่ ภายในหมู่บ้าน ส่วนถนนในหมู่บ้านก็เป็นทางลาดยางกว้าง๒เมตรและเรียงรายไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าและผ้าไหมหลากหลายสีสัน
คณะไปดูสถานที่ผลิตผ้าไหมของช่างศิลป์ที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน โรงทอผ้าไหมขนาด๘๐ตารางเมตรที่อยู่ใกล้ประตูหมู่บ้าน ระเบียงข้างนอกโรงทอผ้ามีกระด้งหนอนไหมที่กำลังกินใบหม่อน หนอนไหมนอนในรังไหมสีเหลือง ปั๊ปหยิบหนอนไหมตัวหนึ่งขึ้นดูและกล่าวว่า“หนอนไหมของไทยตัวจะใหญ่กว่า มีโครงการพัฒนาผ้าไหมภายใต้การสนับสนุนของพระราชินีของไทยที่ภาคเหนือและภาคอีสาน”
เดินเข้าไปข้างในโรงทอผ้า มีเสียงของกี่ทอผ้า๑๐เครื่องที่กำลังทำงานอยู่โดยวางไว้๒ข้างริมทางเดินที่กว้างประมาณ๑เมตร
|
ร้านขายผ้าไหม |
หลังจากชมโรงทอผ้า๑๐นาที ทั้งคณะก็ไปถ่ายภาพร้านขายผ้าไหมที่อยู่ติดกับโรงทอผ้า ร้านมีพื้นที่
ประมาณ๕๐ตารางเมตรถูกแบ่งเป็น๒ส่วน ด้านนอกแขวนเสื้อผ้า และขายของที่ระลึกสวยๆ เช่น กระเป๋าหิ้ว กระเป๋าใส่เงิน เน็คไท เป็นต้น ส่วนด้านในขายผ้าและผ้าพันคอจำนวนมากที่มีหลากหลายทั้งสีสันและลวดลายบนชั้นวางรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ปํ๊ปได้ลองหยิบจับผ้าพันคอต่างๆ เขากล่าวว่า มีผ้าพันคอที่ทอจากฝ้ายและไหม“ผ้าไหมเวียดนามก็จะคล้ายๆของไทย ทั้งทอด้วยมือและใช้เครื่อง มีผ้าฝ้ายทอกับผ้าไหมทอ ผ้าไหมของไทยจะแพงและอยู่ที่เกล็ด ถ้าเป็นอันดับท๊อปพรีเมี่ยม คิดเป็นหลา 1 หลา หลายหมื่น”
คณะเลือกมุมที่สวยที่สุดแล้วจัดวางสินค้าที่มีราคาแพงที่สุดของร้านเพื่อถ่ายภาพ เช่นเสื้อ กระโปรงไหมที่เป็นอันดับสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่ทอและปักด้วยมือ สนนราคาชุดละประมาณ๑ล้านด่ง คนนี้ถ่ายภาพ คนโน้มสัมภาษณ์ ส่วนคุณปั๊ปที่เป็นบรรณาธิการก็เลือกดูผลิตภัณฑ์อื่นๆ คุณอุ๋ย หัวหน้าคณะที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านหว่านฟุกหลายครั้งแล้วและรู้สึกพอใจต่อการซื้อผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านทุกครั้งกล่าวว่า“ทุกครั้งพี่ซื้อ เห็นว่า ตอนซื้อก็ละลานตาไปหมด แต่เมื่อใส่ลงก็สวยมากเลย ใส่สบายๆและใช้ได้ทุกงาน”
ครั้งนี้ เธอยังให้คำปรึกษาแก่สมาชิกที่มีอายุน้อยกว่าในคณะในการเลือกเสื้อผ้า พนักงานขายสินค้าที่เป็นผู้หญิงอายุราวประมาณ๑๘ถึง๑๙ปี ใส่ชุดจัมป์ซุยลายทางแนวตั้ง ผิวขาว รูปร่างสูงกำลังแนะนำให้ลูกค้าเกี่ยวกับผ้าพันคอเนื้อดี
“มันแพงมากแต่คุณภาพดี
โอ คุณภาพดี
อยากลองดูไหม?”
ดูเหมือนว่า สาวขายสินค้ากังวลว่า ความรู้ภาษาอังกฤษที่เธอมีไม่มากนักจะทำให้ลูกค้าไม่เข้าใจคุณค่า เธอจึงอธิบายเป็นภาษาเวียดนามแล้วอาศัยมักคุเทศแปลเป็นภาษาไทย “ผลิตภัณฑ์นี้ต้องย้อมสีใยไหมก่อนแล้วทอ แต่ละหลอดด้ายต้องการอีกลูกกระสวย ”
พนักงานขายสินค้ามีความกระตือรือร้น ส่วนเจ้าของร้านก็พร้อมที่จะตอบสัมภาษณ์ พร้อมทั้งลดราคาให้ร้อยละ๑๐ซึ่งทำให้ทั้งคณะรู้สึกพอใจ ก่อนที่จะขึ้นรถอำลาหมู่บ้านผ้าไหม ในมือของทุกคนต่างมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าหรือเน็คไทซึ่งเป็นของฝากให้แก่ญาติมิตร เพื่อนร่วมอาชีพ หรือซื้อไว้ใช้เองและเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าเคบมาเยือนหมู่บ้านผ้าไหวหว่านฟุก./.
Minh Lý-VOV5