นาย วัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีให้การต้อนรับคณะผู้สื่อข่าวของวีโอวี
|
“พื้นฐานของจังหวัดของพวกเราคือ เรามีองค์ประกอบอยู่ 3-4 ประการ ที่เราเรียกว่าเป็นแหล่งสามธรรม ก็คือ หนึ่งเรามีธรรมะ เนื่องจากมีแหล่งวัดวาอารามทางพุทธศาสนาเยอะ ประการที่สองคือในเรื่องของวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย อันนี้คือจุดที่มีความสำคัญเพราะว่า หนึ่งคนไทย อันที่สองคนไทยเชื้อสายจีน ที่สามก็คือคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ประการที่สามก็คือ เรื่องของธรรมชาติที่มีความงดงาม อย่างเช่นทะเลบัวแดง ที่ถือว่าเป็นทะเลสาปน้ำจืดที่สวยที่สุดในอันดับสองของโลก ความจริงเรายังมีอีกธรรมหนึ่งคือ เรามีแหล่งมรดกโลก ก็คือในเรื่องของอารยธรรม 5 พันปีที่บ้านเชียง เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรฯ จึงมีความหลากหลาย แล้วก็สามารถที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวอุดรฯ ได้ตลอดทั้งปีโดยที่ไม่ต้องเลือกฤดู”
เพื่อเป็นการพิสูจน์ตามคำกล่าวของนาย วัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี คณะของเราได้ไปเที่ยวหมู่บ้าน เชียงแหว ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปีตามคำเชิญ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 170 ปี อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร
กลุ่มโฮเสตย์หมู่บ้าน เชียงแหว ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี
|
ใต้แสงแดดที่ร้อนมากของฤดูร้อน หมู่บ้านเชียงแหวตั้งอยู่อย่างสงบท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่นโดยบ้านของชาวบ้านมักจะอยู่ใต้ต้นไม้ ทำให้บ้านเย็นสบาย ที่นี่มีประมาณ 900 ครอบครัว ซึ่งทุกครอบครัวได้ลงทะเบียนเข้าร่วมกลุ่มโฮมเสตย์ นางสาวพวงทอง อุตชาชน ประธานกลุ่มโฮเสตย์ ประธานการขาย Otop ของตำบลเชียงแหวรอให้การต้อนรับคณะของเราพร้อมพวงมาลัยและรอยยิ้มที่เป็นกันเอง โดยระหว่างทางเดินเข้าบ้าน เราจะเห็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากบัวแดงและผลไม้ของท้องถิ่นตั้งเรียงราย เช่น กล้วย มะม่วงและมะพร้าว เป็นต้น ภายในบ้าน มีโต๊ะและม้านั่งให้นักท่องเที่ยวนั่งพักผ่อนและทานอาหาร คณะของเราได้ดื่มชาบัวแดงด้วยหลอดที่ทำจากสายบัว ทานอาหารที่ทำจากบัวและผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่น เช่น แกงปลาบัวแดงและส้มตำบัวแดง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวหมู่บ้านถึงนับร้อยคนต่อวัน นางสาวพวงทอง อุตชาชน กล่าวด้วยความยินดีว่า เมื่อเข้าร่วมกลุ่มโฮมเสตย์ของหมู่บ้าน เธอและครอบครัวมีรายได้เสริม 3-5 พันบาท “เราสามารถพานักท่องเที่ยวไปลงเรือไปตกปลา ไปยกยอ ไปดูนกนานาชนิด แล้วก็เราสามารถพานักท่องเที่ยวลงไปเอาบัวขึ้นมาย้อมผ้า เอาดินโสนมาหมักผ้า เอาบัวขึ้นมาทำชาบัวแดง มาทำอาหารที่เกิดจากบัว เราสามารถใช้วัตถุดิบในหมู่บ้านเรา อย่างเอาขกเอาผือมาทอเสื่อขก...”
นางสาวพวงทอง อุตชาชน ทำเมนูอาหารจากบัวแดง
|
นอกจากมีทิวทัศน์ที่สวยงามและวัฒนธรรมพื้นเมืองที่หลากหลาย ทางจังหวัดฯ ยังคงพัฒนาระบบคมนาคมเพื่อใช้ศัยภาพทางภูมิศาสตร์ในภาคอีสานของไทยด้วย ซึ่งจังหวัดอุดรธานีมีเส้นทางบินตรงเชื่อมจังหวัดต่างๆเกือบทั้งหมด นาย วัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เผยต่อไปว่า “ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของเราส่วนหนึ่งก็คือ การเป็นศูนย์กลางในอนุภูมิภาค ในภาคอีสานตอนบน แล้วก็เชื่อมโยงไปยังประเทศต่างๆในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่แตะไปทางประเทศลาว ทางเวียดนาม หรือทางจีน ทางตอนใต้ ในอนาคต การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของรถไฟความเร็วสูงที่จะลงมาถึงเวียงจันทน์ ซึ่งหมายถึงว่า ประตูในเรื่องของการท่องเที่ยวที่จะมาถึงอุดรฯ มีศัยภาพสูง รวมทั้งการเดินทางที่มีความสะดวก มีสายการบินต่างๆ มากมายเชื่อมโยงทั่วประเทศไทย”
ภายในบ้าน |
นอกจากพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมและผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่น ทางการจังหวัดยังคงพัฒนาด้านกีฬาให้กลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและเป็นจุดนัดพบของนักกีฬาผ่านการปฏิบัตินโยบายต่างๆเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายของประชาชนและจัดกิจกรรมการแข่งขัน Jet ski และวิ่ง Marathon ซึ่งมีผู้เข้าร่วมนับหมื่นคน โดยเฉพาะได้ใช้กิจกรรมการกีฬาเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเสริมรายได้ให้แก่ประชาชน ดังคำอธิบายของนาย วัฒนา พุฒิชาติ ว่า “เรามีความพร้อมในการที่จะเหมือนร้านอาหารและสโลแกนของเราก็คือ พร้อมเสริฟความสุขทุกเมนู เหมือนเข้าในร้านอาหารเรามีหมด มาเรื่องการกีฬา มาเรื่องของการชอบปิ้ง มาในเรื่องของการเป็นศูนย์กลางการประชุมสัมมนาหรือการเป็นเมืองไหม๊ เรามี ในเรื่องของผ้าเราก็ประสบความสำเร็จในการจัดงานความเป็นศูนย์กลางผ้าทอมือแห่งอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สองปีมาแล้ว ซึ่งในวันเวลานั้น ผ้าของเวียดนามก็มาจำหน่ายด้วย มาเปิดตลาดด้วยในงานของพวกเรา ซึ่งปีนี้เราจะจัดเป็นครั้งที่ 3 ประมาณเดือนสิงหา ตรงนี้ก็จะเป็นไฮไลท์หนึ่งในการที่จะดึงคน ในขณะเดียวกัน การท่องเที่ยว เราก็เอาไว้ให้กับพี่น้องประชาชนหรือนักท่องเที่ยวได้ชมตลอด สิ่งนี้คือการจัดการท่องเที่ยว ซึ่งเรามีทั้งในระดับชุมชนเองหรือในระดับจังหวัด”
ถ้ามีโอกาสคุณผู้ฟังลองหาเวลาไปเที่ยวจังหวัดอุดรธานีดูนะคะ เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯไม่มากและการเดินทางก็สะดวกโดยทางเครื่องบินใช้เวลาประมาณ 40 นาที อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติหรือวิถีชุมชน.