โดยคาดว่า จนถึงปี 2023 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรจะอยู่ที่ราว 1 พัน 2 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งทุกหน่วยงานทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่นจำเป็นต้องวางแผนและแนวทางที่ชัดเจนอย่างจริงจังในการประสานนโยบายและวิธีการดำเนินงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวที่ตั้งไว้
กระทรวงการเกษตรและป่าไม้ลาวได้ตั้งเป้าหมายว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าจากการเพาะปลูกของลาวต่อปีจะอยู่ที่ราว 1 พัน 1 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์จะอยู่ที่ราว 1 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยให้ความสำคัญต่อพืชผลและสัตว์เลี้ยงที่เป็นจุดแข็งและมีตลาดส่งออกรองรับ ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวครั้งที่ 4 สมัยที่ 9 นายกรัฐมนตรี สอนไซ สีพันดอน ได้เห็นชอบรายงานความคืบหน้าโครงการระดับชาติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินระยะปี 2021-2023 โดยเน้นการผลิตเกษตรที่ให้ผลตอบแทนสูงเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ
“จำเป็นต้องส่งเสริมการผลิตภายในประเทศเพื่อทดแทนสินค้านำเข้า ส่งเสริมการเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ พร้อมค้ำประกันตลาดรองรับสินค้า โดยเน้นการผลิตและการแปรรูปคู่กับตลาดการบริโภค ให้ความสำคัญต่อภาคบริการ การประสานงาน และการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ส่งเสริมการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตสินค้า เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ ศูนย์เพาะพันธุ์พืชและสัตว์ รวมถึงระบบคลังสินค้า”
เมื่อปี 2022 มีการตั้งโรงงานผลิตเกษตรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดการผลิตข้าวบรรลุสูงกว่าเป้าหมายประจำปีกว่า 3 ล้านตัน ในขณะที่ยอดการผลิตอาหารสัตว์สูงถึง 3 แสนตัน นอกจากนี้ ยังมีฟาร์มและโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพที่ก่อสร้างขึ้นใหม่หลายแห่ง ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้มูลค่าการนำเข้าลดลงกว่า 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2021 นี่ถือเป็นตัวเลขเริ่มต้นสำหรับการผลิตภายในประเทศ เพื่อการปรับเปลี่ยนขั้นพื้นฐานคือ ลดการนำเข้าสินค้าเกษตร ซึ่งจะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ นาย Bunluang Xomxihapannha ผู้แทนรัฐสภาแขวงไชยบุรี เผยว่า
“ในภาคการผลิตเพื่อทดแทนสินค้านำเข้า ควรให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงกลุ่มซัพพลายเออร์ภายในประเทศ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีซัพพลายเออร์ภายในประเทศหลายรายที่มีความคล่องตัวในการสร้างธุรกิจด้วยการเปิดโรงงานผลิตปุ๋ยและอาหารสัตว์พร้อมสร้างฟาร์มขนาดใหญ่หลายแห่ง แต่ยอดการผลิตสินค้ายังไม่สามารถทดแทนปริมาณปุ๋ยและอาหารสัตว์ที่ต้องนำเข้าได้ จากรายงานสถิติแสดงให้เห็นว่า ราคาสินค้าที่ผลิตภายในประเทศยังสูงกว่าสินค้าที่นำเข้า ดังนั้น ผมคิดว่า ต้องมีการประเมินทั้งกระบวนการผลิตและมูลค่าสินค้า เพื่อจะได้ทราบว่า ทำไมราคาถึงสูงขนาดนั้น”
ปัจจุบัน ในประเทศลาวมีประมาณ 4,784 กลุ่มผลิตการเกษตร สหกรณ์ 26 แห่ง และ สมาคมและเครือข่ายเกษตรกรแปรรูปสินค้าเกษตร 8 แห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดภายในประเทศและส่งออก พร้อมบรรลุเป้าหมายการส่งออกสินค้าเกษตรอยู่ที่ ถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยเป้าหมายในปี 2023 คือยอดการส่งออกกาแฟอยู่ที่ 5 แสนตัน ในขณะที่การส่งออกข้าวโพดมีปริมาณการส่งออกรวม 1.8 ล้านตัน ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และแนะแนวให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับวิธีการเพาะปลูกและผลิตสินค้าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยประชาชนลาวต้องการให้รัฐบาลร่วมมือกับประชาชนในการฝึกอบรม
“ชาวบ้านขาดความรู้ เลยต้องการกลุ่มผู้เชี่ยวชาญลงมาช่วยเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ การดูแลผลผลิตเกษตรให้มีคุณภาพ โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณมากเพื่อช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับวิธีทำปุ๋ยหมักชีวภาพที่ดีต่อสุขภาพของทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภค”
“ต้องมีการพัฒนาระบบถนนในชนบท ควบคู่กับการลงทุนด้านระบบชลประทาน เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตสามารถขนส่งสินค้าไปจำหน่ายได้อย่างสะดวก”
ทั้งนี้ จากแนวทางที่วางไว้และการกำชับอย่างแข็งขันของรัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดว่า ประเทศลาวจะสามารถบรรลุเป้าหมายการผลิตเกษตรในปี 2023 และด้วยอัตราเงินเฟ้อที่จะลดลง เพื่อมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพและค้ำประกันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีที่สุด.