เฟรนด์ชิพในการประกวดเสียงเพลงอาเซียน + 3

เราไปพบเฟรนด์ชิพที่ห้องเตรียมชุดแสดงของส่วนดนตรีของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ แม้มีความเหน็ดเหนื่อยหลังการฝึกร้องเพลงในหลายวันที่ผ่านมาเพื่อเตรียมขึ้นแสดงในอีกไม่กี่วันที่จะถึง แต่บนใบหน้าของเฟรนด์ชิพยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่เต็มเปี่ยมด้วยประกายแห่งความสุข ในการพูดคุยถืงจุดเริ่มต้นในการเป็นนักร้อง เฟรนด์ชิพเล่าว่า เขารักและชอบการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ

“ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตนเองชอบร้องเพลงแต่มาอีกทีหนึ่งตอนมัธยมต้นก็มีงานของทางโรงเรียนก็เลยอีกขึ้นแสดงความสามารถ ขึ้นไปตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเหมือนกันแต่ได้ความที่แบบอาจารย์เขาให้ขึ้นไปบนเวที เราก็ขึ้นไป สรุปแล้ว เราก็คิดว่า ร้องเพลงก็ได้ แล้วก็เลยร้องเพลงขึ้นมา ตั้งแต่วันนั้นก็รู้สึกว่า ตัวเองน่าจะร้องเพลงได้ดี”

ตอนมัธยมต้น เฟรนด์ชิพได้ขึ้นเวทีร้องเพลงที่โรงเรียนให้ทุกคนฟังตามการแนะนำของครู หลังจากนั้น ก็มีโอกาสได้ร้องเพลงมากขึ้นและชีวิตประจำวันก็เปลี่ยนแปลงไปมากเพราะต้องร้องเพลงไปพร้อมๆกับการเรียนหนังสือ “นอกจากฝึกฝนแล้วก็ประกวดร้องเพลงมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมเลย ไล่มาเรื่อยๆ ผมได้มาทำอัลบั้มกับภาคดนตรี ก็มีท้อบ้าง แต่มันเป็นอารมณ์เหนื่อยมากกว่า ไม่ถึงขนาดท้อแล้วไม่อยากทำ เพราะเราทำงานตั้งแต่เด็ก เราหาเงินตั้งแต่เด็ก แล้วอันนี้เหมือนแบบมันขาดช่วงเวลาที่ความเป็นวัยรุ่นออกไป คือแบบเราไปเรียนปุ๊บกลับนะต้องไปร้องเพลง ตั้งแต่มัธยมต้นเลย ก็เป็นอย่างนี้มาจนถึงมหาวิทยาลัย เราก็รู้สึกแบบ เอ๋ยมันเยอะหรือเปล่า เวลาหายไปหรือเปล่า อย่างนี้และก็รู้สึกเหนื่อยๆเหมือนกัน พอจบมหาวิทยาลัยก็มาออกอัลบั้ม ก็เลยทำให้รู้สึกแบบ ช่วงเวลาวัยรุ่นหายไป มันก็รู้สึกเหนื่อยๆเหมือนกัน แต่ว่า ท้อไหม๊ ไม่ท้อนะครับ ก็ทำต่อไปเพราะเป็นสิ่งที่เรารักและสิ่งที่เราเลือก”

กับนักร้องเวียดนามและเมียนมาร์ในการประกวดเสียงเพลงอาเซียน + 3

ความพยายามดังกล่าวได้ช่วยให้เฟรนด์ชิพประสบความสำเร็จต่างๆ โดยนอกจากได้รับรางวัล “นักร้องมิตรภาพ” ในการประกวดเสียงเพลงอาเซียน +3 ปี 2019 เฟรนด์ชิพยัง ได้รับรางวัลระดับประเทศต่างๆในไทย เช่น รางวัลถ้วยพระราชทาน รางวัลลูกกตัญญู รางวัลพิธีกรผู้ส่งเสริมมวลชนดีเด่น และมีอัลบั้มเพลงเป็นของตนเอง เป็นต้น นาย ชัยพร ทับพวาธินท์ อดีตผู้อำนวยการ ส่วนบริหารการดนตรี สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ได้ยืนยันว่า การส่งเฟรนด์ชิพไปเข้าร่วมการประกวดเสียงเพลงอาเซียน +3 ปี 2019 ถือเป็นการเลือกที่ถูกต้อง        “เมื่อเราเลือกเฟรนด์ชิพเพราะว่าเขามีศักยภาพในการร้องเพลง เขาเก่งที่สุด เป็น the best ของเราเลย ในด้านลุกทุ่ง ไม่ใช่ด้านเพลงแนวสังคม ไม่ใช่ เพลงของแนวสากลไม่ใช่ แต่ที่เลือกเขาเพราะว่า หนึ่ง มูลิกภาพของเขาดูดี และการเป็นเฟรนด์ชิพจริงๆของเขา ก็มีมิตรภาพกับทุกคน หัวเราะเก่ง พูดเก่ง ร้องเพลงเก่ง คืออันนี้หล่อหลอมเป็นเฟรนด์ชิพ จึงคัดเลือกเขาไปว่า คนนี้เหมาะที่จะไปเป็นตัวแทน ไม่ใช่แทนสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยอย่างเดียว นั่นคือตัวแทนของประเทศไทยเลยในขณะนั้นว่า คนไทยคนนี้มีความสุข แล้วก็มีมิตรภาพกับทุกชาติเลย แล้วเราไปเล่นเขา เราไม่ได้ชิงรางวัล เราไปหามิตรภาพ ไปหาเพื่อน เราไม่ได้ไปสอบหารางวัลเลย เราไปเพื่อที่จะแสดงว่า ทุกคนมีดนตรีในหัวใจ”

ส่วนน.ส. มรุธิดา บุญมงคล เพื่อนร่วมงานและนักร้องที่ได้รับรางวัล “นักร้องมิตรภาพ” ในการประกวดเสียงเพลงอาเซียน +3 ปี 2017 ให้ข้อสังเกตว่า “ถ้าเกิดจะให้พูดถึงด้านการร้องของน้องเฟรนด์ชิพ น้องก็เป็นคนที่จะมีน้ำเสียงที่มีพลัง แล้วก็ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวานไปด้วยกัน เพราะน้องนี้เขาจะร้องเอามาในลักษณะของเพลงลูกทุ่ง ซึ่งในเพลงลูกทุ่งก็จะมีการเอื้อนที่ไพเราะในแบบของไทย แล้วก็ถ้าจะให้พูดถึงการฝ่าฟันอุปสรรคของน้องในครั้งนี้ น้องก็ตั้งใจมากๆ เลยในการฝึกซ้อมแล้วก็เห็นได้จากการแสดงที่ถ่ายทอดออกมา น้องก็สามารถถ่ายทอดบทเพลงออกมาได้อย่างกินใจ ถึงแม้ว่าภาษา หลายๆ ท่านอาจจะไม่เข้าใจในภาษาไทยแต่เชื่อว่า การแสดงของน้องบนเวทีในวันนั้น แล้วก็น้ำเสียงที่น้องถ่ายทอดออกมาก็เชื่อว่า น่าจะสื่อไปถึงผู้ชมมาจากทุกประเทศได้ค่ะ”

เฟรนด์ชิพบอกว่า ยุ่งมากเพราะต้องทำงานหลายอย่าง เช่น ทำอัลบั้มกับค่ายเพลง “รถไฟดนตรี” เป็น พิธีกรให้แก่ฝ่ายโทรทัศน์และเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงต่างๆทั้งภายในและต่างประเทศ แต่ก็หวังว่า ถ้าเป็นไปได้ คงได้กลับไปยืนบนเวทีการประกวดเสียงเพลงอาเซียน +3 อีกครั้งเพราะอยากนำเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยไปแสดงให้ทุกๆคนได้รับชมอีกครั้ง...