นางสาว อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย พร้อมตัวแทนของสถานทูตประเทศต่างๆในกรุงฮานอยเข้าร่วมงาน |
ท่านกำลังรับฟังเสียงดนตรีการฟ้อนรำ 4 ภาคของไทยซึ่งแสดงโดยศิลปินจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยศิลปินเกล้าผม ใส่ชุดไทยที่มีสีสันสดใสกำลังแสดงบนเวทีหลักของพิพิธภัณฑ์สตรีเวียดนาม เบื้องหลังคือฉากที่มีคำว่า “Amazing Thailand: Your Stories Never End - ยิ่งเข้าใจ ยิ่งรัก” เมื่อกล่าวถึงความหมายของงานเทศกาลนี้ นางสาว อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้เผยว่า
“กิจกรรมในวันนี้ เราใช้คำว่า Amazing Thailand: Your Stories Never End ซึ่งหมายความว่า แต่ละคนก็มีเรื่องราวของตัวเอง เวลาที่ทุกๆท่านไปเยือนประเทศไทย ท่านก็จะได้รับความสนุก ความประทับใจ ได้ทานอาหารที่แปลกออกไปจากที่เวียดนาม ทุกๆคนก็มีเรื่องราวของแต่ละคน แต่ว่าความหมายของการจัดงานในครั้งนี้คือ จริงๆวัตถุประสงค์ 1 ก็เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในเวียดนาม นี่เป็นโอกาสดี เรามาเพื่อให้สาธารณะชนได้รับชมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ก็ได้ระดมชุมชนไทยมาช่วยเพื่อนชาวเวียดนาม ก็มีภาคธุรกิจไทยและคนไทยด้วย ”
รายการศิลปะในงาน |
นอกจากได้ชมการแสดงการฟ้อนรำพื้นเมืองและการแสดงของวงออรเคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลาแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังมีโอกาสศึกษาค้นคว้าอาชีพศิลปะหัตถกรรมทำ Tung Yai Maeng Mum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งในบ้าน วัดและงานเทศกาลต่างๆที่ได้รับการถือว่า จะนำความโชคดี และขับไล่สิ่งที่เลวร้ายในชีวิต ตลอดจนได้ชมการแสดงมวยไทย ลิ้มลองอาหารไทยและสังสรรค์กับเพื่อนมิตรชาวไทย
“ดิฉันเคยไปเที่ยวเมืองไทยแล้ว เคยทานอาหารไทย ชมการแสดงศิลปะและการฟ้อนรำผ่านทัวร์ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาค้นคว้าหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจเหมือนในงานนี้ ดิฉันเห็นว่า ชาวไทยมีความเป็นมิตร เข้าถึงได้ง่ายและพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของไทย”
“เมื่อเข้าร่วมงานในวันนี้ ผมได้ชมการแสดงมวยไทยซึ่งชอบมาก เพราะช่วยให้ผมมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยและมีความใกล้ชิดกับเวียดนาม ถ้ามีโอกาสผมจะไปเที่ยวเมืองไทย”
“ผมไม่เคยทานเมนูนี้มาก่อน เมื่อได้ชิมแล้ว อร่อยมากและอยากลองอาหารไทยอื่น ๆ ด้วย”
ด้วยความประสงค์ที่จะเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยให้ประชาชนเวียดนามมีความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร เทศกาลและขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยมากขึ้น กิจกรรมต่างๆที่ได้รับเลือกให้นำเสนอและแสดงในกรอบของงานได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงเอกลักษณ์ของภูมิภาคต่างๆ ของไทย เช่น เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวเวียดนาม นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดงานได้จัดการฉายภาพยนตร์ฟรีเรื่อง “หลานม่า” ณ กรุงฮานอยซึ่งช่วยให้ผู้เข้าชมเวียดนามมีมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับชีวิตสังคมไทยในปัจจุบัน ตลอดจนความรักของครอบครัวไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเวียดนามอีกด้วย ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมมากมาย นางสาว เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการกองวางแผนและผลิตสื่อ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เผยว่า
“เวียดนามเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้อง เป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย เป็นตลาดการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ดังนั้น ในสิ่งที่เรานำมาเสนอในวันนี้จะเป็นเรื่องของ 5 must do in Thailand คือถ้าไปเที่ยวประเทศไทยก็จะมีสิ่งที่เราอยากนำเสนอให้นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามไปทดลอง ไปเที่ยว ไปชิม ไปชมและไปชอปปิ้ง ในช่วงนี้ก็ทราบว่า ทั้งไทยและเวียดนามเราต่างประสบภัยธรรมชาติ มีเรื่องของพายุและสถานการณ์น้ำท่วม ดังนั้น เราเองนอกเหนือที่นำมาเสนอสิ่งที่เป็นความรื่นเริงแล้ว เราก็อยากจะเป็นเอื้ออารีระหว่างบ้านพี่เมืองน้อง เราช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อบ้านเราประสบภัยธรรมชาติ กิจกรรมเหล่านี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมานานแล้ว เป็นความลึกซึ้งของคนไทยและคนเวียดนามที่มีต่อกันเมื่อเราประสบภัยหรือประสบปัญหา ยินดีที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันเป็น Beyon การท่องเที่ยว”
เทศกาล “Amazing Thailand: Your Stories Never End - ยิ่งเข้าใจ ยิ่งรัก” ยังถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในจังหวัดฮึงเอียน ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับกรุงฮานอย และก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุไต้ฝุ่นยางิเมื่อเร็วๆนี้ นี่เป็นจังหวัดที่สถานประกอบการไทยหลายแห่งกำลังลงทุน ประกอบธุรกิจ และมีความประสงค์ที่จะเข้ามาลงทุนในจังหวัดฯ นาย เจิ่นก๊วกตว๋าน รองเลขาธิการพรรคสาขาและประธานสภาประชาชนจังหวัดฮึงเอียนเผยว่า
“จังหวัดฮึงเอียนให้คำมั่นที่จะอำนวยความสะดวก สร้างเงื่อนไขที่ดีที่สุดเพื่อให้สถานประกอบการไทยลงทุนและประกอบธุรกิจ อีกทั้ง ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์และร่วมมือเพื่อพัฒนาวัฒนธรรมและสังคม”
ผ่านการจัดเทศกาล “Amazing Thailand: Your Stories Never End – ยิ่งเข้าใจ ยิ่งรัก” สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้เรียกร้องให้ชุมชนชาวไทยและสถานประกอบการไทยที่กำลังประกอบธุรกิจในเวียดนามร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนถุงยังชีพ 300 ชุดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นยางิในเวียดนาม นางสาว อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้เผยว่า เงินบริจาคทั้งหมดในงานจะถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นยางิในเวียดนาม.