แพทย์ดูแลผู้ป่วยหลังการผ่าตัด |
หลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง กองทัพเวียดนามและลาวไม่เพียงแค่ขยายความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยาวนานเท่านั้น แต่ยังคงเสริมสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มแพทย์ทหารของทั้งสองประเทศได้ประสานงานกันในการปลูกถ่ายอวัยวะเคสแรกๆ จนประสบความสำเร็จ ซึ่งได้เปิดเส้นทางใหม่ในงานด้านการดูแลสุขภาพประชาชนของบรรดาแพทย์ทหารลาว
นาย Vanxay Lixayalath อายุ 58 ปี อาศัยอยู่ที่แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายไตที่โรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 กองทัพลาว แสดงความรู้สึกที่ตื้นตันและซาบซึ้งใจอย่างมาก หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตประสบความสำเร็จโดยคณะแพทย์เวียดนามและลาว และเผยว่า เมื่อ 5 ปีก่อน ตนเองป่วยเป็นโรคไตและหลังจากนั้น 2 ปีก็ต้องได้รับการฟอกไต โดยเมื่อปีที่แล้ว นาย Vanxay ได้ลงทะเบียนเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อทำการปลูกถ่ายไตที่โรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 กองทัพลาว
“ก่อนหน้านั้น ผมรู้สึกตัวเองไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก ทานอาหารไม่ค่อยได้และเจ็บขาเจ็บแขนมากๆ แต่หลังจากที่คณะแพทย์ของโรงพยาบาลฯ ได้ทำการผ่าตัดให้ผมแล้ว ก็รู้สึกสบายตัวโดยสุขภาพดีขึ้นเป็นอย่างมาก”
ส่วนนาย Sangthong Keomonasi อายุ 32 ปี ที่กำลังอาศัยในนครหลวงเวียงจันทน์ ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อราว 5 ปีก่อน เขารู้สึกเหนื่อยแล้วไปซื้ออาหารเสริมมาทานเองโดยไม่ได้ตรวจสุขภาพ เมื่อเห็นว่า อาการไม่ดีขึ้น เขาจึงเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาล ถึงรู้ว่า ตัวเองเป็นภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย แต่โชคดีมากๆ ที่เขาได้ทราบข้อมูลว่า โรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 กองทัพลาว กำลังประสานงานร่วมกับโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 ของเวียดนามในการปลูกถ่ายไต
“ก่อนการผ่าตัด ผมต้องไปฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่า เหมือนตนเองได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง และต้องขอขอบคุณคณะแพทย์ของโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 ลาว และโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 ของเวียดนามเป็นอย่างมาก”
ปัจจุบัน ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดทุกคนมีการฟื้นตัวที่ดี โดยบางคนสามารถกลับไปทำงานได้ตามปรกติ พันเอก Savengxay Dalasath ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 กองทัพประชาชนลาว ได้เผยว่า การปลูกถ่ายไตที่ได้รับจากผู้บริจาคในประเทศลาวจนสำเร็จนั้น ถือเป็นนิมิตหมายที่ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงความพยายามและพัฒนาการของโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวเดินที่สำคัญสำหรับวงการสาธารณสุขของลาวอีกด้วย
“ถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคณะแพทย์ทหารเวียดนาม พวกเราจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจการปลูกถ่ายไตเคสจนประสบความสำเร็จได้ ผมหวังว่า โรงพยาบาลทั้งสองแห่งและกองทัพประชาชนทั้งสองประเทศจะส่งเสริมความร่วมมือให้พัฒนามากยิ่งขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ”
โครงการความร่วมมือในการปลูกถ่ายไตระหว่างโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 ของเวียดนามและลาว ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันทำการปลูกถ่ายรวม 9 เคสที่โรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 ลาว โดยฝ่ายเวียดนามได้จัดเตรียมบุคลากร เครื่องมือ ยานพาหนะ ยารักษาโรค พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ ในขณะที่ทางโรงพยาบาลของลาวได้เตรียมห้องผ่าตัด ห้องดูแลหลังการผ่าตัด จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการ พร้อมหน่วยงานเฉพาะทางต่างๆ ที่ได้การรับการฝึกอบรมทางวิชาชีพตามการแนะแนวของคณะแพทย์เวียดนาม รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ หวุเญิ๊ดดิ่ง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 เวียดนาม ได้เผยว่า จากคำแนะนำของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เวียดนาม บรรดาแพทย์ทหารของโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 ลาว ได้ค่อยๆ สามารถดำเนินงานทางเทคนิคในบางขั้นตอนของกระบวนการปลูกถ่ายไต รวมถึงขั้นตอนการเฝ้าติดตามผู้ป่วยภายหลังการปลูกถ่ายและสามารถคาดการณ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
“การให้ความช่วยเหลือในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการปลูกถ่ายไตในประเทศลาว ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความร่วมมือและความสามัคคีระหว่างสองประเทศ กองทัพของทั้งสองฝ่าย รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ของลาว ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ผมเห็นว่า นี่ถือเป็นการสืบทอดจากคนรุ่นก่อนที่สละเลือดเนื้อ อีกทั้งยังเป็นสิ่งเตือนใจให้คนรุ่นหลังรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลาวให้บริสุทธิ์และใกล้ชิดกันต่อไป”
ตามแผนการที่วางไว้ในปีนี้ โรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 เวียดนามจะส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไปให้การสนับสนุนโรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 กองทัพลาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำการปลูกถ่ายไต 10-20 เคส นอกจากนี้ โรงพยาบาลเสนารักษ์ส่วนกลาง 103 กองทัพลาว ยังได้ตั้งเป้าที่จะควบคุมกระบวนการและประยุกต์ใช้เทคนิคการปลูกถ่ายไตได้ด้วยตนเองภายในปี 2025 ซึ่งจะมีส่วนร่วมต่อการยกระดับคุณภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนขึ้นสู่ระดับภูมิภาคและนานาชาติ./.