ชาวบ้านในจ่าวิงห์ปลูกข้าวโพดเพื่อแก้ปัญหาความยากจน

ตำบลหงอกเบียน อำเภอจ่ากู๊ คือท้องถิ่นที่มีประชากรกว่าร้อยละ 81 เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าเขมร ถึงแม้เผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่ชาวบ้านที่นี่ยังคงพยายามบรรลุมาตรฐานต่างๆในการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ โดยในพื้นที่ที่เป็นดินปนทรายที่ไม่เอื้อต่อการปลูกข้าวได้เปลี่ยนมาปลูกข้าวโพด ถั่วเขียว ถั่วลิสงและพริก สร้างกำไรประมาณ 40-50 ล้านด่งต่อฤดู สูงกว่าการปลูกข้าวประมาณ 2-3 เท่า นาย แถกเชน เกษตรกรในหมู่บ้านทาลา ตำบล หงอกเบียนเผยว่า          “นับตั้งแต่ที่ตำบลปฏิบัติโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ เงื่อนไขการผลิตก็ดีขึ้น ถนนหนทางได้รับการปรับปรุง มื่อก่อน รายได้จากการปลูกข้าวไม่สูงนักถมยังไม่มั่นคง แต่เดี๋ยวนี้ ทางการท้องถิ่นได้ลงนามสัญญาซื้อขายกับสถานประกอบการ ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านเราดีขึ้น”

นาย หวิ่งวันเจื่อง เลขาธิการพรรคสาขาตำบล หงอกเบียนเผยว่า ในหลายปีมานี้ ชาวเขมรในตำบล หงอกเบียน ได้ทำการปรับเปลี่ยนพันธุ์พืชและทำการปลูกพืชอย่างหลากหลาย ส่วนทางคณะกรรมการชี้นำของตำบลได้ทำการสำรวจเพื่อแบ่งกลุ่มครอบครัวที่ยากจนและใกล้ยากจนเพื่อมีมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับแต่ละครอบครัว โดยนอกจากเงินลงทุนจากส่วนกลางแล้ว ทางตำบลยังหาทางเพิ่มรายได้จากพื้นที่ปลูกพืช ช่วยปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นและลดจำนวนครอบครัวที่ยากจน เมื่อเริ่มปฏิบัติโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ ทั้งตำบลมีครอบครัวยากจนถึงร้อยละ 30 แต่ขณะนี้เหลือไม่ถึงร้อยละ 2 และปัจจุบันนี้ ทางตำบลฯกำลังปฏิบัติมาตรฐานชนบทใหม่ด้วยมาตรฐานที่สูงกว่า “พวกเราได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆ หนึ่งคือ ปฏิบัติแผนการสำหรับแต่ละครอบครัว แต่ละหมู่บ้านตามความต้องการที่เป็นจริง สองคือ จัดทำแผนการช่วยเหลือด้านเงินทุนให้แก่กลุ่มเป้าหมายนี้ โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการสนับสนุนครอบครัวเหล่านี้ให้พวกเขาหลุดพ้นจากความยากจนอย่างยั่งยืน มีส่วนร่วมเสร็จสิ้นโครงการเป้าหมายแห่งชาติเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ชนบทใหม่”

ที่ตำบลเตินหุ่ง อำเภอเตี๋ยวเกิ่น ซึ่งเป็นตำบลที่ได้บรรลุมาตรฐานของตำบลชนบทใหม่ มีการเปลี่ยนโฉมใหม่อย่างเห็นได้ชัด ถนนทุกสายล้วนเป็นถนนคอนกรีตที่สะอาดสะอ้าน สองข้างมีบ้างโอ่โถง พร้อมสวนผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ที่หมู่บ้านจุงเตี๊ยน ซึ่งเป็นฐานการปฏิวัติในอดีต ถึงแม้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่ทุกคนได้ปฏิบัติมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด โดยสินค้าการเกษตรยังคงได้รับการจำหน่ายและเกษตรกรยังสามารถดูแลพื้นที่เกษตรได้ ส่วนระบบชลประทานและคมนาคมก็ได้รับการยกระดับอย่างต่อเนื่อง นาง เลิมถิทา ผู้สูงอายุในหมู่บ้านฯกล่าวว่า ในอดีต การเดินทางไปยังตัวอำเภอ ชาวบ้านต้องใช้เวลาครึ่งวันแต่หลังจากปฏิบัติโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ ทุกครอบครัวต่างมีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้และถนนหนทางต่างๆสะดวกสวยงามมาก          “ปัจจุบันนี้ ถนนทุกสายเป็นถนนคอนกรีต การเดินทางสะดวกมาก การทำมาค้าขายก็ง่ายขึ้น ตอนนี้ หมู่บ้านเราเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว อยากกินอะไรก็มี อยากไปไหนก็สะดวก สินค้าถูกนำมาจำหน่ายถึงบ้านเลย”

ปี 2020 ตำบลเตินหุ่งได้รับมาตรฐานชนบทใหม่ในระดับสูงและทางตำบลกำลังพยายามเพื่อบรรลุมาตรฐานชนบทตัวอย่างรูปแบบใหม่และพยายามไม่มีครอบครัวที่ยากจนภายในปี 2025