ครอบครัวนาย เหงวียนดึ๊กมิงยังคงประกอบอาชีพเลี้ยงไหมมาเป็นเวลาหลายปี |
แม้จะยุ่งยากกว่าการเลี้ยงหมูและการปลูกข้าวแต่ครอบครัวนาย เหงวียนดึ๊กมิง หมู่บ้านลานดิ่ง ตำบลเวียดแถ่ง อำเภอเชิ้นเอียนยังคงประกอบอาชีพเลี้ยงไหมมาเป็นเวลาหลายปีเนื่องจากอาชีพนี้สร้างรายได้สูงกว่าการทำนาและการปลูกข้าวโพด
“การปลูกข้าวต้องใช้เวลา 3 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวได้ 180 -200 กิโลกรัมต่อ 360 ตารางเมตรและมีรายได้ 1.4 ล้านด่งเท่านั้น ส่วนผมมีจ่อเลี้ยงไหม 5 อัน ก็สามารถเก็บรังไหมได้ประมาณ 8 กิโลกรัมต่อจ่อเลี้ยงไหม 1 อัน ซึ่งอาชีพการเลี้ยงหนอนไหมสร้างรายได้ประมาณ 8 ล้านด่งต่อเดือน สูงกว่าการปลูกข้าว”
นาย เหงวียนวันแหมง รองหัวหน้าฝ่ายการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดเชิ้นเอียนได้เผยว่า จากแนวทางพัฒนาการเกษตร ในเวลาที่ผ่านมา หน่วยงานการเกษตรของอำเภอฯได้แนะนำให้เกษตรกรทราบเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่มีประสิทธิภาพมาเป็นการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่เกษตรกร ปัจจุบัน ทางอำเภอฯได้พัฒนาพื้นที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกรและเพิ่มปริมาณหนอนไหม บริษัทต่างๆก็มาซื้อรังไหมในราคาประมาณ 1 แสนด่งต่อกิโลกรัม ซึ่งอาชีพการเลี้ยงไหมสร้างรายได้สูงกว่าการปลูกข้าว 5-7 เท่า
“เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้แนะนำวิธีการเลี้ยงและดูแลแก่หนอนไหมให้แก่เกษตรกร เช่น การฆ่าเชื้ออุปกรณ์เลี้ยงหนอนไหม ทำความสะอาดจ่อเลี้ยงไหม ใบหม่อนที่ใช้เลี้ยงไหมต้องมีคุณภาพดี เป็นต้น ถ้าหากมีพันธุ์ไหมดี การเลี้ยงไหมจะสร้างประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูง”
อาชีพการเลี้ยงไหมกลายเป็นอาชีพหลักของเกษตกรเชิ้นเอียน |
อำเภอเชิ้นเอียนมีพื้นที่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเกือบ 700 เฮกตาร์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเวียดแถ่ง บ๊าวด๊าบ อีกาน กวีมง ซึ่งอาชีพการเลี้ยงไหมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในหลายปีที่ผ่านมาและกลายเป็นอาชีพหลักของเกษตรกร โดยเฉพาะในปี 2020 แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่การเลี้ยงไหมยังคงสร้างรายได้ 8 หมื่นล้านด่งให้แก่เกษตรกร นาย เจิ่นดง ประธานคณะกรรมการประชาชนอำเภอเชิ้นเอียน จังหวัดเอียนบ๊ายได้เผยว่า
“ ในช่วงปี 2020 -2025 เพื่อพัฒนาการผลิตเกษตรและป่าไม้ ทางอำเภอฯได้กำหนดพันธุ์พืชหลักคือ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม โดยพยายามขยายพื้นที่ปลูกหม่อนขึ้นเป็นกว่า 1 พันเฮกตาร์ในระยะต่อไป ธำรงพื้นที่การปลูกไผ่บ๊าดโด๋ 3,500 เฮกตาร์ ปลูกต้นอบเชยอินทรีย์ เพื่อพัฒนาการปลูกพันธุ์พืชหลักอย่างยั่งยืน ทางอำเภอฯกำลังร่วมมือกับสถานประกอบการและสำนักงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการเกษตร แสวงหาแหล่งพันธุ์ไหมที่มีคุณภาพดี เชื่อมโยงกับสถานประกอบการในการซื้อ แปรรูปรังไหม การผลิตอบเชยอินทรีย์ เป็นต้นเพื่อช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นใจในการผลิต”
จากแนวทางที่ถูกต้องและเป็นฝ่ายรุกของประชาชน เศรษฐกิจสังคมของอำเภอเชิ้นเอียนได้พัฒนาอย่างเข้มแข็งในปี 2020 อัตราครอบครัวที่ยากจนของอำเภอเชิ้นเอียนได้ลดลงเหลือร้อยละ 4 และประชาชนมีรายได้เกือบ 40 ล้านด่ง ซึ่งช่วยให้อำเภอเชิ้นเอียนกลายเป็นอำเภอที่ได้มาตรฐานชนบทใหม่แห่งแรกของเขตตะวันตกเฉียงเหนือ
ตั้งแต่บัดนี้มาจนถึงปี 2025 จากการปฏิบัติแนวทางของผู้บริหารอำเภอฯ อำเภอเชิ้นเอียนจะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการดึงดูดการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรม ก่อสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไผ่บ๊าดโด๋และเส้นไหมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ.