(VOVworld) – เขตที่ราบสูงลังเบียงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเท่านั้น หากยังเป็นที่รู้จักจากการใช้รูปแบบทำการเกษตรด้วยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นตัวอย่างในการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ของจังหวัดเลิมด่งอีกด้วย จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตการเกษตร ชีวิตทั้งด้านวัตถุและจิตใจของประชาชนที่นี่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นและโฉมหน้าชนบทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

การปลูกดอกไม่้ได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น (Dalat today)

เมื่อเห็นบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งได้รับการก่อสร้างอย่างโอ่โถงพร้อมเครื่องใช้ไม้สอยในบ้านที่ทันสมัยของนาย ซิลล์ นม ชนเผ่า เกอฮอในหมู่บ้าน บอนดึง 1 ตัวเมือง หลากเยือง อำเภอหลากเยือง จังหวัดเลิมด่ง ก็ยากที่จะเชื่อว่า เมื่อ 7 ปีก่อน ครอบครัวของนาย ซิลล์นม เป็นครอบครัวยากจน นาย ซิลล์นม เล่าให้ฟังว่า การปลูกข้าวในพื้นที่ 1 เฮกต้าร์ซึ่งเก็บเกี่ยวได้ฤดูเดียวต่อปีนั้นไม่สามารถค้ำประกันชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวได้ แต่หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากทางการท้องถิ่นในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพันธุ์พืชและเทคนิคการปลูกข้าวที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ครอบครัวเขาจึงเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวมาเป็นการปลูกผักและดอกไม้ซึ่งสร้างรายได้เฉลี่ย 300 ล้านด่งต่อปี โดยเฉพาะในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากการลงทุนติดตั้งระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติและใช้โรงเรือนปลูกดอกไม้ที่มีคุณภาพสูง 500 ตารางเมตรรายได้ของครอบครัวเขาก็เพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านด่งต่อปี นาย ซิลล์ นม ได้เผยว่า“เมื่อก่อนการปลูกข้าวเก็บเกี่ยวได้ฤดูเดียวต่อปีเท่านั้นจึงประสบสถานการณ์ขาดแคลนอาหารเป็นประจำทุกปีและต้องไปทำงานรับจ้าง แต่หลังจากเปลี่ยนมาเป็นการปลูกผักและดอกไม้หลายชนิด ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้นจึงมีเงินซื้อเครื่องใช้ในบ้านและยานพาหนะ ครอบครัวผมได้ฉลองตรุษเต๊ตอย่างอิ่มหนำผาสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆในหมู่บ้าน”
ไม่เพียงแต่ศึกษาการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงเท่านั้น หากหลายครอบครัวของชนกลุ่มน้อยในท้องถิ่นยังเปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการปลูกตามรูปแบบเชื่อมโยงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อีกด้วยซึ่งนาย ปัง ติน ซิน ในหมู่บ้าน ดานเกีย ตัวเมือง หลากเยือง เป็นผู้เดินหน้าในการปฏิบัติแนวทางดังกล่าวโดยหลังจากลงนามสัญญากับผู้จำหน่ายดอกไม้ด้วยราคารับซื้อที่มั่นคงได้ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวเขาเฉลี่ยกว่า 50 ล้านด่งต่อเดือน นาย ปัง ติง ซิน ได้เผยว่า“ครอบครัวผมปลูกดอกไม้จึงประสบความยากลำบากกว่าเพราะต้องใช้เงินลงทุนเยอะเมื่อเทียบกับการปลูกผักจึงทำให้ผมต้องมีความรู้ด้านเทคนิคมากขึ้น ประเด็นที่ 2 คือ การจำหน่ายผักไม่มั่นคงและรายได้สู้การปลูกดอกไม้ไม่ได้”
จนถึงปัจจุบัน เกษตรกรในตัวเมืองหลากเยืองได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในพื้นที่ร้อยละ 70 จากจำนวนพื้นที่ผลิตเกษตร 1500 เฮกต้าร์ซึ่งในนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกใช้ในการปลูกผัก ดอกไม้ เชอร์รี่ อาร์ติโช๊คโดยมีผลผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยกระดับให้สูงขึ้น นาย เหงียนยิวหาย ประธานคณะกรรมการประชาชนอำเภอหลากเยืองได้เผยว่า จากผลงานในเบื้องต้นได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีด้านจิตสำนึกและวิธีการปฏิบัติของชนกลุ่มน้อย ในเวลาที่จะถึง ทางการท้องถิ่นจะปฏิบัตินโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้โครงการผลิตเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมีการขยายผลในเขตที่มีชนกลุ่มน้อยอาศัยของท้องถิ่น นาย เหงียนยิวหายได้เผยว่า“ปัจจุบัน ทางท้องถิ่นได้ปฏิบัติรูปแบบที่ชัดเจนซึ่งสร้างรายได้ค่อนข้างสูงและเปลี่ยนแปลงชีวิตของชนกลุ่มน้อยที่นี่โดยก่อนอื่นคือการปลูกผักโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ปลูกดอกกุหลาบและดอกไม้ชนิดอื่นๆซึ่งได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี ชาวบ้านได้ปฏิบัติหลายรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นพวกเราตระหนักว่า ในเวลาที่จะถึง จะปฏิบัติโครงการที่เป็นรูปธรรมเพื่อขยายผลรูปแบบและตัวอย่างนี้ สำหรับชนกลุ่มน้อย การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพันธุ์พืชต้องใช้เวลาพอสมควร”
การพัฒนาการเกษตรตามแนวทางใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของชนกลุ่มน้อยในเขตที่ราบสูงลังเบียงนับวันยิ่งมีประสิทธิภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งซึ่งจะช่วยให้ขบวนการการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ในท้องถิ่นเสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อให้วสันต์ฤดูที่จะเวียนมาในทุกๆปี ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่นี่มีความอิ่มหนำผาสุขมากขึ้น./.