(VOVworld) - หลังการปฏิบัติเป็นการนำร่องใน 8 ตำบลเป็นเวลา 3 ปีและปฏิบัติโครงการพัฒนาชนบทใหม่เป็นเวลา 1 ปี จ. Thái Bình – อู่ข้าวของภาคเหนือเวียดนามได้ประสบความสำเร็จอย่างน่ายินดี โดยการใช้เทคโนโลยี่ที่ทันสมัยในการผลิตเกษตรได้นำมาซึ่งผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน
|
ชาวบ้านตำบล Quỳnh Minh สร้างเส้นทางเชื่อมพื้นที่นา
(Internet) |
สำหรับนาย Nguyễn Văn Đông และชาวบ้านในตำบล Quỳnh Minh การปรับปรุงระบบชลประทาน ได้ทำให้เขตที่ราบสูงมีน้ำใช้ สามารถปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงและการปลูกพืชชนิดเดียวกันได้ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร นอกจากนี้ ความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาด้านการเกษตร การเลี้ยงสุกรและการปลูกพืชหมุนเวียนอาทิ แตงกวาส่งออกและพริกได้ช่วยให้ครอบครัวของนาย Nguyễn Văn Đông มีรายได้ประมาณ 80 ล้านด่งต่อปี “นับตั้งแต่มีการพัฒนาชนบทใหม่ หมู่บ้านของผมได้รับการพัฒนาและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น การเลี้ยงสุกร การปลูกข้าวและพืชชนิดต่างๆได้ทำให้ครอบครัวของผมมีกินมีใช้ ส่วนทางสหกรณ์ได้ช่วยจัดสรรค์พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่ให้ผลผลิตดี มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและรับจำหน่ายสินค้าให้เกษตรกร ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า การพัฒนาชนบทใหม่เอื้อผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน ไม่เพียงแต่การเพิ่มรายได้เท่านั้น หากมีการก่อสร้างเหมืองฝายด้วยคอนกรีตและนำเครื่องจักรกลมาใช้ในการผลิต”
นาง Nguyễn Thị Luyến อาศัยในตำบล Thượng Xá รู้ศึกมีความสุขที่ได้เห็นโฉมใหม่ของหมู่บ้าน ถนนได้รับการกอ่สร้างให้ที่มีความสะอาดและสวยงามขึ้น ส่วนครอบครัวของเธอได้หลุดพ้นจากความยากจนเนื่องจากได้รับการสนับสนุนพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์และเงินทุน จากการตระหนักถึงประโยชน์ของการพัฒนาชนบทใหม่ นาง Nguyễn Thị Luyến และชาวบ้านจึงได้สนับสนุนและเข้าร่วมการวางผังที่นา การมอบที่ดิน การสมทบเงินทุนและเข้าร่วมการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม “ครอบครัวดิฉันให้การสนับสนุนแนวทางของทางการอย่งเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น การมอบที่ดินเพื่อพัฒนาเส้นทางคมนาคม เข้าร่วมการซ่อมแซมระบบชลประทานและสมทบเงินทุนให้แก่การสร้างระบบจัดสรรค์น้ำสะอาดของรัฐ ดิฉันเห็นว่า ถ้าหากการปฏิบัตินั้นเอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสร้างโฉมใหม่ให้แก่หมู่บ้าน ทุกคนก็ควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”
|
การมอบที่ดินเพื่อพัฒนาเส้นทางคมนาคม (Thaibinhtv.vn) |
ถึงแม้ว่าจะได้รับการสนันบสนุนและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์จากประชาชนแต่หลังการปฏิบัติมาเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ตำบล Quỳnh Minh ยังเหลืออยู่ 10 มาตรฐานที่ยังไม่บรรลุจากทั้งหมด 19 มาตรฐานเกี่ยวกับการพัฒนาชนบทใหม่ เช่น รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรบรรลุอัตราเฉลี่ยของอำเภอเท่านั้นในขณะที่ตามมาตรฐานต้องสูงกว่า 1.5 เท่า อัตราแรงงานด้านการเกษตรบรรลุประมาณร้อยละ 40 ส่วนการวางผังที่นา ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญในการพัฒนาชนบทใหม่ของจ.ท้ายบิ่งถึงแม้ว่าจะเสร็จสิ้นภายหลังการรณรงค์เป็นเวลา 4 เดือนแต่ก็ยังไม่สามารถสร้างพื้นที่ทำการเกษตรใหญ่ได้ ปัจจุบันยังคงมีครอบครัวที่มีพื้นที่นาขนาดเล็กประมาณ 2-4 แปลงอยู่เป็นร้อยละ 86 จึงทำให้การใช้เครื่องจักรกลและเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยในการผลิตประสบข้อจำกัดต่างๆ นาย Phạm Văn Vi สมาชิกคณะกรรมการบริหารสหกรณ์เผยว่า “ ปัจจุบันสหกรณ์มีเครื่องเกี่ยวข้าว 2 เครื่องและเครื่องไถพรวนดิน 2 เครื่องเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ โดยตอบสนองความต้องการของเกษตรกรไม่ถึงร้อยละ 10 ซึ่งความจริงแล้วต้องมีเครื่องเกี่ยวข้าว 7 เครื่องและเครื่องไถพรวนดิน 15-16 เครื่องถึงจะเพียงพอ ส่วนการสร้างเส้นทางเชื่อมพื้นที่นาต่างๆนั้นเสร็จสิ้นแค่เส้นทางหลักเท่านั้น จึงทำให้การใช้เครื่องจักรกลในเส้นทางรองประสบอุปสรรค ส่วนความพยายามร่วมมือกับสถานประกอบการเพื่อรับจำหน่ายสินค้าให้เกษตรกรก็สามารถดึงดูดสถานประกอบการได้บางแห่งเท่านั้น”
ส่วนนาย Nguyễn Quang Lâm รองประธานคณะกรรมการประชาชนตำบล Quỳnh Minhให้ข้อสังเกตุว่า สิ่งที่ลำบากที่สุดคือการขาดเงินทุนเพราะว่าใน 10 มาตรฐานที่ยังไม่บรรลุเช่น การก่อสร้างถนนในตำบลและหมู่บ้าน เส้นทางเชื่อมพื้นที่นาต่างๆ ศูนย์กำจัดขยะ เป็นต้น ต่างต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นทางตำบลจะปฏิบัติแนวทาง “รัฐและประชาชนร่วมกันทำ” เพื่อพัฒนาพลังประชาชน “มาตรฐานที่เหลืออยู่นั้นยากที่จะบรรลุได้เพราะว่าต้องใช้เงินทุนมากมาย ดังนั้นเราจึงต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐมากขึ้นและระดมจากประชาชนและหน่วยงานบางแห่ง เช่น หน่วยงานไฟฟ้าต้องประสานงานกับท้องถิ่นเพื่อแก้ไขอุปสรรคให้บรรลุมาตรฐานในด้านนี้ ส่วนการเวนคืนที่ดินหรือการขยายถนน ต้องให้ประชาชนมอบที่ดิน ซึ่งต้องรณรงค์และโน้มน้าวให้ประชาชนสมัครใจเข้าร่วม ซึ่งพวกเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ว่า ทุกปัญหาจะต้องหารือกับประชาชน ถ้าหากประชาชนมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ จะสามารถประสบความสำเร็จได้” การเปลี่ยนแปลงใหม่ของตำบล Quỳnh Minh ได้สร้างความปลื้มปิติให้แก่ประชาชนแต่เพื่อผ่านทั้งหมด 19 มาตรฐานการพัฒนาชนบทใหม่ในปี 2013 ทางตำบลจะต้องทำหลายอย่าง ซึ่งรวมไปถึงการระบุอุปสรรคได้จะเป็นสัญญาณที่น่ายินดีเพราะว่าทางการบริหารท้องถิ่นและประชาชนจะเป็นฝ่ายรุกเพื่อแสวงหามาตรการที่เหมาะสมที่สุดเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่างๆได้อย่างสมบูรณ์./.