( VOVworld )-ในกรอบการเยือนเวียดนามตั้งแต่วันที่ ๖ – ๘ พฤศจิกายนตามคำเชิญของท่านเจือง เติ้น ซาง ประธานประเทศเวียดนาม ท่านเซอร์จีโอ มาตตาแรลล่า ประธานาธิบดีอิตาลีได้มีกิจกรรมต่างๆในเวียดนาม โดยภายหลังพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติเมื่อบ่ายวันที่ ๖ ที่ผ่านมา ท่านเจือง เติ้น ซาง ประธานประเทศเวียดนามได้มีการเจรจากับท่านเซอร์จีโอ มาตตาแรลล่า ประธานาธิบดีอิตาลีเพื่อผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้เข้าสู่ส่วนลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โอกาสนี้ ท่านเจือง เติ้น ซางได้กล่าวว่า การที่อิตาลีพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามให้กว้างลึกมากขึ้นมีความหมายอันยิ่งใหญ่เพราะเวียดนามกำลังผลักดันการผสมผสานและร่วมมือทางเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็ว การผลักดันการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีสำคัญระดับทวิภาคีและพหุภาคีโดยเน้นข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ประธานประเทศเจือง เติ้น ซางได้ขอบคุณอิตาลีที่สนับสนุนเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติหรือ ECOSOC วาระปี ๒๐๑๖-๒๐๑๘และให้สัญญาจะสนับสนุนเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี ๒๐๒๐-๒๐๒๑ ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นด้วยกับมาตรการขยายความสัมพันธ์และร่วมมือในเวลาข้างหน้าโดยเน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและส่งเสริมรูปแบบความร่วมมือระดับรัฐบาลและท้องถิ่น การปฏิบัติแผนปฏิบัติการปี ๒๐๑๕-๒๐๑๖ การส่งเสริมกลไกการสนทนาและคณะกรรมการผสม ส่วนท่านเซอร์จีโอ มาตตาแรลล่า ประธานาธิบดีอิตาลีได้ยืนยันว่า จะเร่งรัดให้รัฐสภาอิตาลีให้ภาคียานุวัติข้อตกลงหุ้นส่วนร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปที่ได้ลงนามเมื่อปี ๒๐๑๒ อีกทั้งยืนยันว่า อิตาลีสนับสนุนเวียดนามลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปโดยเร็วและสหภาพยุโรปรับรองเวียดนามดำเนินเศรษฐกิจตามกลไกตลาด
ผู้นำทั้งสองประเทศยังหารือถึงสถานการณ์การขยายการเคลื่อนไหวก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆบนโขดหินที่ก่อให้เกิดสถานการณ์ไร้เสถียรภาพ ส่งผลกระทบในทางลบต่อสันติภาพ ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภายในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศเส้นทางใหญ่และเชื่อมโยงระหว่างยุโรปกับเอเชีย ท่านเจือง เติ้น ซาง ประธานประเทศเวียดนามได้เรียกร้องให้อิตาลีใช้เสียงพูดของตนในกลุ่มจี-๗และสหภาพยุโรปเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีโดยยึดกฎหมายสากล อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี ๑๙๘๒เป็นหลัก การปฏิบัติแถลงการณ์การปฏิบัติของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีและมุ่งสู่การร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี ส่วนประธานาธิบดรอิตาลีได้ยืนยันสนับสนุนจุดยืนของเวียดนามในการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี เคารพกฎหมายสากลและการเดินเรือกับการบินในภูมิภาคอย่างเสรีและมีความปลอดภัย อีกทั้งเผยว่า อิตาลีได้ระบุเวียดนามในรายชื่อตลาด ๑๐ ประเทศที่เกิดใหม่ที่ให้ความสนใจพัฒนาในด้านการค้าและการลงทุน ผู้ประกอบการอิตาลีหลายรายวางแผนประกอบธุรกิจระยะยาวและกำลังดำเนินโครงการในเวียดนามอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยืนยันว่า อิตาลีพร้อมที่จะร่วมมือกับเวียดนามในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในด้านที่เป็นจุดแข็ง ผู้นำทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนมาตรการร่วมมือในด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว การศึกษาและฝึกอบรมและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
หลังการเจรจา ผู้นำทั้งสองประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยท่านเจือง เติ้น ซางได้กล่าวว่า “ ผมขอชื่นชมการเยือนเวียดนามของท่านประธานาธิบดีอิตาลี ซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของประธานาธิบดีอิตาลีนับตั้งแต่สองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ๑๙๗๓ อันเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงพัฒนาการก้าวใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ผมขอขอบคุณจากใจจริงต่อท่านประธานาธิบดีอิตาลีที่ได้ยืนยันสนับสนุนเวียดนามขยายความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปและเร่งรัดให้รัฐสภาอิตาลีให้ภาคียานุวัติข้อตกลงหุ้นส่วนและความร่วมมืออย่างรอบด้านหรือพีซีเอและสนับสนุนการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปและสหภาพยุโรปรับรองเศรษฐกิจเวียดนามดำเนินตามกลไกตลาด ”
โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามแผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับอิตาลีระยะปี ๒๐๑๕-๒๐๑๖ ข้อตกลงร่วมมือและสนับสนุนระบบบริหารราชการในด้านศุลกากรระหว่างสองประเทศ บ่ายวันเดียวกัน ท่านเหงวียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคและท่านเหงวียน ซินห์ หุ่ง ประธานรัฐสภาได้ให้การต้อนรับ ท่านเซอร์จีโอ มาตตาแรลล่า ประธานาธิบดีอิตาลี .