นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ในการประชุมสุดยอดธุรกิจสถานประกอบการเวียดนาม 2017 (vietnamplus) |
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า การที่เวียดนามเข้าร่วมฟอรั่มร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนปี 1998 คือเหตุการณ์ที่มีความหมาย สร้างนิมิตหมายสำคัญต่อการพัฒนาในทุกด้านของประเทศ สร้างพื้นฐานให้แก่การผสมผสานที่คล่องตัวและเข้มแข็ง
ในการทบทวนผลสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนามในตลอดกว่า 30 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า เวียดนามกำหนดว่า การปฏิรูป การเปลี่ยนแปลงใหม่ การส่งเสริมพลังภายในประเทศคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ
ในสภาวการณ์แห่งโลกาภิวัตน์และการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 รัฐบาลเพื่อการพัฒนาในเชิงสร้างสรรค์ของเวียดนามให้ความสำคัญต่อการจัดทำกลไกบริหารที่คล่องตัว ให้การช่วยเหลือการเข้าถึงตลาดที่โปร่งใส ธำรงมาตรฐานแรงงานที่ก้าวหน้า ปกป้องสิทธิผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของสถานประกอบการ และผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหม่และมีความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง
ในบทความ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า เวียดนามจะพิจารณาการยืนหยัดเป้าหมายพัฒนาอย่างยั่งยืนและคำมั่น COP-21 ปารีสเกี่ยวกับการจำกัดการปล่อยของเสียและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาของเวียดนามในทศวรรษข้างหน้า
ในการกล่าวถึงการพัฒนาของเศรษฐกิจสมาชิกเอเปก นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นว่า ในสภาวการณ์ในปัจจุบัน เอเปกต้องสร้างเอกลักษณ์และกลไกของตน เพื่อแสวงหาความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในระดับสูงในสมาชิกเอเปก ทุกเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกต้องร่วมมือเพื่อมีวิธีการเข้าถึงที่มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในความหลากหลายที่มีความยุติธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและสอดคล้องกับกฎหมายสากล
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า เอเชียแปซิฟิกที่สามัคคี สันติภาพ เจริญรุ่งเรืองและพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องเป็นเป้าหมาย เป็นความรับผิดชอบที่ต้องการความร่วมมือและการอยู่เคียงข้างกันของทุกเศรษฐกิจเอเปก
ท่าน เหงียนซวนฟุก หวังว่าในเอเปก 2017 บรรดาผู้นำของ 21 เศรษฐกิจสมาชิกเอเปกจะเสนอมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อ “สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีงาม.”