นาย เวืองดิ่งเหวะ รองนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับนาง มกาวาตี ซูการ์โนปูตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย |
ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงความสำคัญของการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก แก้ไขการพิพาทผ่านมาตรการที่สันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล
รองประธานาธิบดีอินโดนีเซียยืนยันว่า เวียดนามมีบทบบาทสำคัญในอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก และอยากผลักดันความร่วมมือกับเวียดนามในหลายด้าน
ส่วนรองนายกรัฐมนตรี เวืองดิ่งเหวะได้เผยว่า เวียดนามถืออินโดนีเซียคือหุ้นส่วนสำคัญในอาเซียนและทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพมากมายเพื่อร่วมมือและลงทุน
บ่ายวันเดียวกัน นาย เวืองดิ่งเหวะ ได้พบปะกับเลขาธิการอาเซียน เลเลืองมิงห์เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผลสำเร็จที่ได้บรรลุ โอกาสและความท้าทายของอาเซียนภายหลัง 50 ปีแห่งการก่อตั้งและพัฒนา พร้อมทั้งยืนยันว่า เวียดนามถืออาเซียนเป็นพื้นฐานและเป็นหนึ่งในเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายการต่างประเทศ ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆเพื่อผสมผสานเข้ากับกระแสโลกที่กว้างลึกมากขึ้น รัฐบาลเวียดนามได้ปฏิบัติหลายมาตรการเพื่อปฏิบัติเนื้อหา แนวทางที่ถูกระบุในวิสัยทัศน์อาเซียน 2025อย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งสู่อาเซียนที่พึ่งพาตนเอง พัฒนาในทุกด้านและถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ในกรอบการเยือนประเทศอินโดนีเซียในระหว่างวันที่ 19 – 21 กรกฎาคม เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม นาย เวืองดิ่งเหวะ รองนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับนาง มกาวาตี ซูการ์โนปูตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลและ นาย Thomas Lembong หัวหน้าคณะกรรมการประสานงานการลงทุน ในการพบปะดังกล่าว นาย เวืองดิ่งเหวะได้ยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือให้ความสำคัญและมีความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือยุทธศาสตร์ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อมีส่วนร่วมเสริมสร้างความสามัคคี ความเป็นเอกภาพและส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในภูมิภาค ตลอดจนเสนอให้อินโดนีเซียขยายการลงทุนในเวียดนาม เข้าร่วมกระบวนการปฏิรูปด้านการเงินและธนาคารและการปรับปรุงโครงสร้างสถานประกอบการภาครัฐ
ก่อนหน้านั้น ในการเสวนาในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคกับปฏิบัติการของประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเวียดนามและอินโดนีเซีย” นาย เวืองดิ่งเหวะได้ยํ้าว่า เวียดนาม อินโดนีเซียและประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆมีความคล้ายคลึงกันในด้านศักยภาพพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ซึ่งต้องกระชับความร่วมมือ ความสามัคคีภายในกลุ่ม ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ และมีส่วนร่วมรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค