รองนายกรัฐมนตรี เจิ่นห่งห่ากับเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำเวียดนาม Kees van Baar

ในการให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำเวียดนาม Kees van Baar รองนายกรัฐมนตรี เจิ่นห่งห่า ได้เผยว่า เวียดนามและเนเธอร์แลนด์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการแหล่งน้ำ การเกษตรอย่างยั่งยืนและความมั่นคงด้านอาหาร จากการสนับสนุนของหุ้นส่วนเนเธอร์แลนด์ รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศแผนการวางผังเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงระยะปี 2021-2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2050 โดยมีการเข้าถึงมาตรการที่ทันสมัยในการรับมือการเปลี่ยนแปลงขอสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและกลไกการประสานงานพัฒนาเขต พร้อมทั้งชื่นชมหุ้นส่วนและสถานประกอบการเนเธอร์แลนด์ได้เข้าร่วมโครงการทดลองติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่เวียดนาม ส่วนเอกอัครราชทูต Kees van Baar ได้เผยว่า เวียดนามและเนเธอร์แลนด์มีศักยภาพสูงในด้านพลังงานหมุนเวียนและการสร้างตลาดคาร์บอน เนเธอร์แลนด์พร้อมที่จะสนับสนุนและให้คำปรึกษาในการจัดทำนโยบาย การถ่ายทอดเทคโนโลยีและระดมแหล่งเงินที่เป็นสีเขียวให้แก่กระบวนการปรับเปลี่ยนด้านพลังงานที่ยุตธรรมในเวียดนาม

ต้อนรับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนาม Marc Evans Knapper

ในวันเดียวกัน ในการให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนาม Marc Evans Knapper รองนายกรัฐมนตรี เจิ่นห่งห่า ได้เผยว่า ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหรัฐนับวันแน่นแฟ้นมากขึ้นโดยการเข้าถึงมาตรการแก้ไขทั่วไปเกี่ยวกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การแก้ไขผลเสียหายจากสารไดออกไซด์ ข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพลังงานที่ยุติธรรมหรือ JETP เป็นต้น พร้อมทั้งยืนยันว่า ปัญหาระดับโลกคือพื้นฐานแห่งความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ ซึ่งมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์เข้าสู่ส่วนลึก จริงจังและเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาระดับโลกอีกด้วย

ส่วนเอกอัครราชทูต Marc Evans Knapper ได้เผยว่า สหรัฐจะสนับสนุนเวียดนามในการปฏิบัติ JETP และ Net Zero ต่อไปผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี แหล่งพลังด้านการเงินให้แก่โครงการพลังงานหมุนเวียนและโครงการแก้ไขผลร้ายจากสารพิษสีส้มไดออกไซด์ การเก็บกู้กับระเบิดและการช่วยเหลือคนพิการเวียดนาม.