(VOVWorld)-
เมื่อบ่ายวันที่๒๖พฤศจิกายน ท่าน เหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามพร้อมคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามได้เดินทางกลับถึงกรุงฮานอย เสร็จสิ้นการเยือนสันถวไมตรีประเทศลาวในระหว่างวันที่๒๔-๒๖พฤศจิกายนตามคำเชิญของท่าน บุนยัง วอละจิด เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาวด้วยผลสำเร็จอย่างงดงาม
ท่าน เหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
|
ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการเยือนครั้งนี้ นาย หว่างบิ่งกวน หัวหน้าคณะกรรมกาารวิเทศสัมพันธ์ส่วนกลางได้ชี้ชัดว่า การเยือนสันถวไมตรีประเทศลาวครั้งนี้ของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามได้บรรลุผลงานที่สำคัญต่างๆ โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความเข้าใจร่วมและยืนยันว่า ความสัมพันธ์สามัคคีพิเศษเวียดนาม-ลาวเป็นสมบัติอันล้ำค่าและปัจจัยชี้ขาดต่อผลสำเร็จของทั้งสองพรรค สองรัฐและประชาชนทั้งสองประเทศในการต่อสู้เพื่อรักษาและปกป้องเอกราชและเสรีภาพในอดีตและการสร้างสรรค์ พัฒนาและปกป้องปิตุภูมิในปัจจุบัน ท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ นักศึกษารวม๑๘๐๐คนของมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ซึ่งบทปราศรัยดังกล่าวได้ระบุถึงแนวทางใหญ่ของความสัมพันธ์เวียดนาม-ลาวและลาว-เวียดนาม เส้นทางแห่งการพัฒนาที่ทั้งสองพรรค สองรัฐและประชาชนทั้งสองประเทศได้คัดเลือก ความปรารถนาและความหวังของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามต่อคนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ
นายหว่างบิ่งกวน หัวหน้าคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ส่วนกลางเวียดนามยังย้ำว่า แนวทางและมาตรการที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุในการเยือนครั้งนี้จะเปิดทางและสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองพรรค สองรัฐและประชาชนทั้งสองประเทศให้เข้าสู่ส่วนลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความเห็นพ้องเกี่ยวกับปัญหาในภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะ ในฟอรั่มพหุภาคี มีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก
ในโอกาสนี้ ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวของสำนักข่าวเวียดนามประจำประเทศลาว นาง สุนทร ไซญาจัก หัวหน้าคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ส่วนกลางของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวได้ยืนยันว่า การเยือนลาวของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามมีส่วนร่วมต่อการผลักดันความสัมพันธ์มิตรภาพ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศ โดยประธานโฮจิมินห์ ประธานไกสอนพมวิหานและประธานสุภานุวงศ์เป็นผู้สถาปนาและได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาตราบเท่าทุกวันนี้.