นี่คือบทเรียนที่ช่วยให้เวียดนามยืนหยัดและมั่นใจฟันฝ่าความยากลำบาก ความท้าทายใหม่และหน้าที่อันหนักหน่วงในการปฏิบัติมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13

หนึ่งในอุปสรรค์และความท้าทายต่อการพัฒนาของประเทศคือกลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริที่พยายามต่อต้านประเทศอย่างรุนแรง และการต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและบูรณภาพแห่งดินแดนยังคงมีความท้าทายมากมาย พลตรี จิ่งวันเกวี๊ยด ทหารฝ่ายการเมืองของกองทัพภาคที่ 2 ได้แสดงความเห็นว่า

“พรรคสาขากองทัพยืนหยัดทัศนะและแนวคิดของพรรค จงรักภักคีต่อลัทธิมาร์กเลนิน แนวทางของพรรค แนวคิดของโฮจิมินห์ และยืนหยัดอบรมให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกนายเป็นกองกำลังหลักที่จงรักภักดีต่อพรรค ปิตุภูมิและประชาชน”

ส่วนพันเอก เลกิมเหย่า ผู้บัญชาการของกองบัญชาการกองทัพในจังหวัดยาลายได้แสดงความเห็นว่า มีหน้าที่ 4 อย่างที่ถือว่า เป็นพื้นฐานเพื่อให้กองกำลังติดอาวุธพัฒนาในทุกด้าน มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมนิยมและพิทักษ์รักษาสังคมนิยมอย่างยั่งยืน

“1คือการผสานเศรษฐกิจ-สังคมควบคู่กับหน้าที่ด้านกลาโหมและความมั่นคง 2คือสร้างสรรค์กองทัพประชาชนปฏิวัติที่มีแบบแผน ชาญศึกและทันสมัย กำหนดเป้าหมายพยายามจนถึงปี 2025สร้างสรรค์กองทัพที่กระทัดรัด เข้มแข็ง และจนถึงปี 2030 หน่วยงานต่างๆของกองทัพพัฒนาทันสมัย 3 คือส่งเสริมภารกิจปวงชนรวมป้องกันประเทศควบคู่กับความมั่นคงของประชาชน ปฏิบัติแนวทางพัฒนากำลังพลก่อนการพัฒนาติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ 4 คือสร้างสรรค์กองกำลังสำรองที่เข้มแข็ง มีกองกำลังทหารบ้านในทุกพื้นที่ เข้มแข็งและยกระดับทักษะความสามารถด้านการเมืองขององค์กรต่างๆ”

นอกจากการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังสู้รบและผลิตเป็นอย่างดีแล้ว ในเวลาที่ผ่านมา กองทัพก็ยังปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย มีส่วนร่วมจำกัดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ พลโท เหงียนวันบ๋ง ทหารฝ่ายการเมืองของกองทัพเรือได้แสดงความเห็นว่า เพื่อนำแนวทางของพรรคเข้าสู่ชีวิต ค้ำประกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและแก้ไขผลร้ายจากโรคระบาด กองทัพต้องเป็นฝ่ายรุกในการให้ความสนใจ จัดหาอุปกรณ์ ยานพาหนะและกองกำลังต่างๆเพื่อเป็นฝ่ายรุกในการรับมือกับทุกสถานการณ์.