นาง ต่องถิฟ้อง รองประธานรัฐสภาเจรจากับนาง วาเลนตินา มัตวีเยนโก ประธานวุฒิสภารัสเซีย

(VOVworld) – ในกรอบการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 20-23 กันยายนและเข้าร่วมฟอรั่มสตรีเอเชีย-ยุโรปครั้งแรกในระหว่างวันที่ 24-25 กันยายน นาง ต่องถิฟ้อง รองประธานรัฐสภาได้เข้าเยี่ยมคาราวะนาง วาเลนตินา มัตวีเยนโก ประธานวุฒิสภารัสเซีย เจรจากับนาย อีวาโนนิช แมนญีโก๊ป รองประธานคนที่หนึ่งสภาล่างรัสเซีย พบปะกับนาย อูมาคานอฟ รองประธานวุฒิสภารัสเซียและผู้นำของกลุ่มส.สร่วมมือกับรัฐสภาเวียดนามของวุฒิสภารัสเซีย ในการเจรจาและพบปะเหล่านี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า ในเวลาที่จะถึง ต้องพยายามนำความสัมพันธ์ร่วมมือรัฐสภาระหว่างสองประเทศเข้าสู่ส่วนลึก มีประสิทธิภาพและจริงจัง รัฐสภาทั้งสองประเทศจำเป็นต้องอนุมัติและประสานงานในการผลักดันการตรวจสอบการปฏิบัติข้อตกลงที่ได้ลงนามระหว่างรัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานต่างๆโดยเร็ว บรรดาผู้นำรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้เสนอให้องค์การนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศขยายความร่วมมือระหว่างกลุ่มส.สมิตรภาพ ผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมรัฐสภาของแต่ละประเทศ สนับสนุนกันในฟอรั่มรัฐสภาพหุภาคีที่ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ตลอดจนขยายการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจเพื่อผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของแต่ละประเทศ เพื่อสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาของภูมิภาคและโลก ในการพบปะกับกลุ่มส.ส ที่ร่วมมือกับรัฐสภาเวียดนาม นาง ต่องถิฟ้อง รองประธานรัฐสภาเวียดนามได้ชื่นชมบทบาทของกลุ่มส.สรัสเซียและเวียดนามในการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคี นาง ต่องถิฟ้องได้เผยว่า “คณะของพวกเราได้เห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ต่อวิธีการสนทนาในลักษณะนี้และต้องยืนยันว่า กลุ่มส.ส มิตรภาพระห่วางรัฐสภาเวียดนามกับรัสเซียได้มีส่วนร่วมขยายความสัมพันธ์ระหว่าง 2 รัฐสภา ในหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มส.ส มิตรภาพของทั้งสองประเทศได้มีส่วนร่วมสำคัญต่อการขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ กลุ่มส.ส มิตรภาพของพวกเราได้สนับสนุนกันบนเวทีโลก ดิฉันสามารถกล่าวได้ว่า พวกเราได้กลายเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ระหว่าง2กลุ่มส.สและจากการเยือนต่างๆของบรรดาผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม รัฐและรัฐสภาเวียดนาม การเยือนของบรรดาผู้นำรัสเซีย นายกรัฐมนตรีและประธานรัฐสภารัสเซีย รวมทั้งการเข้าร่วมของบรรดาส.ส รัสเซียได้มีส่วนร่วมขยายสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ”.